http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,005,116
Page Views16,314,059
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

พาเที่ยววัดใหญ่:กราบไหว้หลวงพ่อใหญ่ โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

พาเที่ยววัดใหญ่:กราบไหว้หลวงพ่อใหญ่ โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

พาเที่ยววัดใหญ่:กราบไหว้หลวงพ่อใหญ่

โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

               พุทธศาสนิกชนคนพุทธในประเทศไทย มีใครไม่รู้จักหลวงพ่อใหญ่ที่วัดใหญ่เมืองสองแคว ยกมือ แฮ่..เงียบสนิทด้วยว่าใครๆก็รู้จักและก็ไม่ใช่รู้จักธรรมดาแต่เป็นพิเศษเชียว ขึ้นเหนือหรือล่องใต้(กรุงเทพ)ก็แวะไปกราบไหว้เอาสิริมงคลใส่กระหม่อม ไม่งั้นก็รู้สีกไม่สบายใจ บางคนจึงกล่าวว่าไปบ่อยที่สุดแต่ก็ไม่เบื่ออยากไปอยู่ วัดใหญ่มีความสำคัญอย่างไรหรือ วัดใหญ่มีความสวยงามอย่างไรหรือ วัดใหญ่มีโบราณสถานและโบราณวัตถุสำคัญอย่างไรหรือ ตามผมไปกราบนมัสการอีกสักครั้ง คงไม่ว่ากัน

 

               วัดใหญ่มีชื่อเต็มๆว่าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน เลขที่ 92/3 ถนนพุทธบูชา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร  พระสงฆ์ นิกายเถรวาท มหานิกาย 

                พระธรรมเสนานุวัตร (บำรุง ฐานุตตโรมากก้อน ปธ.7) เป็นเจ้าอาวาส

                งานประเพณีนมัสการพระพุทธชินราชประจำปี วันขึ้น3-12 ค่ำเดือน 3 ทุกปี

                แต่ทุกวันนี้พุทธศาสนิกชนคนพุทธและคนทุกศาสนาแวะเวียนเข้ามากราบไหว้คราคร่ำ

 

               ตำนานวัดใหญ่กล่าวกันว่า

               วัดนี้สร้างมาแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี เรื่องนี้หลักฐานไม่ชัดเจน

               แต่จากศิลาจารึกสุโขทัย ความว่า "พ่อขุนศรีนาวนำถมทรงสร้างพระทันตธาตุสุคนธเจดีย์ขึ้น"

               และตามพงศาวดารเหนือ กล่าวว่า "ในราวพุทธศักราช 1900 พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฏก(พระมหาธรรมราชาลิไท)กษัตริย์ผู้ครองกรุงสุโขทัย) ทรงศรัทธาในบวรพุทธศาสนายิ่ง โปรดให้เลื่อหล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ เพื่อประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหารทั้ง 3 หลัง"

 

               ตำนานดังกล่าวนี้บ่งชี้ว่าวัดใหญ่สร้างมาแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี และเป็นพระอารามหลวงมาตั้งแต่ครั้งนั้น พระมหาธรรมราชาลิไท โปรดให้สร้างพระปรางค์ไว้ตรงกลาง มีพระวิหาร 4 ทิศ

                พระวิหารองค์ทิศตะวันออกประดิษฐานพระอรรถารส

                พระวิหารองค์ทิศเหนือประดิษฐานพระพทธชินสีห์ 

                พระวิหารด้านทิศใต้ประดิษฐานพระศรีศาสดา

                และพระวิหารด้านทิศตะวันตกหันหน้าไปทางแม่น้ำน่าน ประดิษฐานพระพุทธชินราช อันเป็นพระประธานหลักของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร 

 

                พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศไทย เส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระขนงโก่ง พระเกตุมาลาเป็นรูปเปลวเพลิง มีลักษณะพิเศษเรียกว่าทีฆงคุลี คือที่ปลายนิ้วพระหัตถ์ทั้งสี่นิ้วยาวเสมอกัน ซุ้มเรือนแก้วทำด้วยไม้แกะสลักสร้างในสมัยอยุธยา แกะสลักเป็นรูปมกร (ลำตัวคล้ายมังกรแต่มีงวงคล้ายช้าง) อยู่ตรงปลายซุ้ม และมีลำตัวเหรา (คล้ายจรเข้) อยู่ตรงกลางซุ้ม มีเทพอสุราปกป้องพระองค์อยู่สองตน คือ ท้าวเวสสุวัณ และอารวกยักษ์

 

               ช่างผู้ก่อสร้างพระทั้ง 3 องค์นี้เป็นช่างชาวศรีสัชนาลัย และเมืองหริภุญชัย ระหว่างที่เททอง ปรากฏว่าหล่อได้สำเร็จเพียงสององค์ ส่วนพระพุทธชินราชทองแล่นไม่ตลอด ต้องทำพิมพ์หล่อใหม่ถึงสามครั้ง

               ครั้งสุดท้ายพระอินทร์ได้แปลงกายเป็นชีปะขาวมาช่วยเททองหล่อ เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้นสองค่ำ เดือนหก ปีมะเส็ง นพศก จุลศักราช 319 จึงหล่อได้สำเร็จบริบูรณ์ นับเป็นอัศจรรย์ยิ่ง

 

                พระพุทธชินราชหล่อด้วยสำริด ปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัยตอนปลาย หน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว สูง 7 ศอก ฐานชุกชีรูปบัวคว่ำบัวหงาย ไม่ได้ลงรักปิดทอง  มาลงรักปิดทองเมื่อพ.ศ.2146 สมัยพระเอกาทศรถ แต่อย่างไรก็ดี ความงดงามของพระพุทธชินราชและพระวิหารของวัดใหญ่แห่งนี้ก็เลื่องลือระบือไกล จนเป็นที่นิยมเข้ามากราบไหว้และชื่นชมพุทธศิลป์

                เป็นมรดกที่อนุชนรุ่นหลังๆควรร่วมกันถนอมรักษาไว้คู่บ้านคู่เมืองพิษณุโลกสืบไป  

 

               พระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา ได้รับนิมนต์ไปเป็นพระในเมืองหลวงโดยได้ไปประดิษฐานที่วัดบวรนิเวศวิหาร ตราบเท่าทุกวันนี้ ส่วนที่เห็นอยู่ในพระวิหารที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดพิษณุโลก นั้นเป็นองค์จำลองใหม่มาทดแทน

               เบื้องหน้าพระวิหารพระพุทธชินราชมีซุ้มพระเหลือประดิษฐานอยู่ เนื่องเพราะว่าพระยาลิไทเห็นว่ามีเศษทองสำริดเหลืออยู่ จึงให้นำมาหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดเล็ก หน้าตักกว้าง 1 อกเศษ เรียกว่า "พระเหลือ" แต่ทองก็ยังเหลือจึงหล่อพระสาวกอีก 2 องค์ ก็ยังมีทองเหลือจึงเทฐานชุกชี แล้วปลูกต้นมหาโพธิ์ 3 ต้น ระหว่างต้นโพธิ์สร้างวิหารน้อย 1 หลังประดิษฐานพระเหลือและพระสาวก ไปไหว้แล้วจะเหลือ

 

               ศูนย์กลางของวัดคือพระปรางค์ ซึ่งเป็นปุชนียสถานสำคัญที่สุดของวัดใหญ่ อันเป็นคตินิยมของหัวเมืองราชธานีแห่งอาณาจักรสุโขทัย พระยาลิไทจึงโปรดให้สร้างพระปรางค์ขึ้น เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ทรงดอกบัวตูม ครอบสถูปเจดีย์ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยพ่อขุนศรีนาวนำถม แต่มาแปลงเป็นพระปรางค์เมื่อครั้งที่พระบรมไตรโลกนาถขึ้นไปครองราชย์ที่เมืองพิษณุโลก จึงได้เปลี่ยนสถูปมาเป็นพระปรางค์แบบขอมนิยมในสมัยกรุงศรีอยุธยา

 

               พระวิหารพระเจ้าเข้านิพพาน อยู่นอกระเบียงคตมีขนาดเล็ก ภายในประดิษฐานหีบปิดทองสมมติว่าบรรจุพระศพของพระบรมศาสดา ทำด้วยศิลาตั้งอยู่บนจิตรากาประด้วยลวดลายลงรักปิดทองร่องกระจกสวยงามมาก ปลายพระบาทยื่นออกมาจากโลง ด้านหน้าและด้านท้ายมีพระมหากัสสปะเถระนั่งนมัสการอยู่ ผมไปท่องแดนแผ่นดินธรรมมาก็หลายร้อยวัด แต่เพิ่งเห็นก็วัดนี้

 

               พระวิหารอัฏฐารส ตั้งอยู่หลังพระวิหารพระพุทธชินราช มีพระอัฏฐารสประทับยืนปางห้ามญาติ สูง 18 ศอก สร้างราวปีพ.ศ.1800 ร่องรอยที่เห็นเป็นเสาศิลาแลงขนาดใหญ่ 3-4 ต้น เนินพระวิหารเก้าห้อง ตรงจุดนี้เกือบจะไม่มีพุทธศาสนิกชนเดินเวียนไปกราบไหว้เลย ด้วยความเร่งรีบของการเดินทาง ด้วยอากาศร้อนจัดจนเกินไป หรืออาจจะด้วยไม่รู้ว่ายังมีของดีเหลืออยู่ด้านหลังพระวิหารใหญ่

 

               บริเวณวัดใหญ่ใหญ่จริงๆ ทุกส่วนประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญของวัด มีศาลารายล้อมรอบเพื่อให้ชาวบ้านได้เดินทางมาขายของ ที่ระลึก ของกินของใช้ แม้กระทั่งสมุนไพรหลากหลายตำรับ อาหารการกิน ผลหมากรากไม้เพียบ ไปทั้งทีอดใจไม่ไหวต้องซื้อไปฝากกันสักหน่อย อย่างผมไปนี่ชอบมากก็รากบัวเชื่อมน้ำตาล หรือแห้งเพื่อเอาไปต้มน้ำตาลกิน หรืออยากกินกล้วยตากสินค้าดังเมืองพิษณุโลกก็มีขายที่นี่         หน้าวัดเป็นแม่น้ำน่าน คราที่เป็นช่วงเทศกาลลอยกระทง งานฤดูหนาวของจังหวัด หรืองานใดๆ ริมฝั่งแม่น้ำก็น่าเดินเล่นกินลมชมวิว ได้ควงแฟนแสนมีความสุข

Tags : วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view