ไก่ป่า
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ในประเทศไทยมีไก่ป่า 2 ชนิด มีชื่อเรียกทั่วไปว่า Red Junglefowl
ชนิดที่หนึ่ง ไก่ป่าตุ้มหูขาว (Gallus gallus gallus) มีลักษณะขนบริเวณคอยาว เนื้อตุ้มหูใหญ่สีขาว พบทางภาคตะวันออกของไทย ลาว เวียดนาม และเขมร
ไก่ป่าตุ้มหูขาว
ชนิดที่สอง ไก่ป่าตุ้มหูแดง (Gallus gallus spadiceus) มีลักษณะขนคอยาวปานกลาง เนื้อบริเวณตุ้มหูมีขนาดเล็กสีแดง
ไก่ป่าตุ้มหูแดง
ทั้งสองชนิดนี้ อยู่ในวงศ์ไก่ฟ้าและนกกระทา(Phasianidae) ขนาดตัวผู้ 65-78 ซม. ตัวเมีย 41-46 ซม. พบทั่วไปบริเวณเส้นศูนย์สูตร ได้แก่ ไทย เขมร ลาว เวียดนาม จีนตอนใต้ มีพฤติกรรมชอบหากินเป็นฝูงเล็กๆโดยแต่ละฝูงจะมีตัวผู้ปกครองหนึ่งตัว ตัวเมียหลายตัว ตัวผู้จะขันเป็นระยะเพื่อประกาศเขต เอ้ก-อี-เอ้ก ส่วนใหญ่ขันตอนเที่ยงคืน และเช้ามืด ส่วนกลางวันนั้นขันไม่แน่นอน
ผสมพันธุ์ในช่วงฤดูร้อน ทำรังวางไข่ตามกอไผ่ ดงหญ้า พื้นดิน วางไข่ครั้งละ 6-12 ฟอง ฟักนาน 21 วัน ลูกไก่แรกเกิดสีเหลืองขนอุยสลับลายดำทั่วตัว เมื่อไก่ป่าตัวผู้โตถึง 2 ปีจะผสมพันธุ์ ส่วนตัวเมียนั้นเพียง 1 ปีก็ผสมพันธุ์แล้ว ตัวเมียฟักไข่
ไก่ป่าตัวเมียและลูกๆ
ไก่ป่าขาสีเทาอมน้ำเงินเข้ม เดือยแหลมยาวโง้ง โคนหางมีแถบสีขาว ตัวผู้มีหงอนขนาดใหญ่สีแดง แบน แฉกออก 5-6 แฉก ขนสร้อยคอมีสีแดง –เหลืองทอง หลังตอนบนสีเลือดหมู หางกะลวยยาวสีเขียวเหลือบเป็นมัน ตัวเมีย ขนลำตัวสีน้ำตาลเข้มหางสั้น ขนลำตัวสีน้ำตาล หนังหน้าสีชมพูแกมแดง ขนรอบคอสีทอง
ไก่ป่าถือเป็นนกประจำถิ่น เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 พบตามป่าโปร่ง ป่าดงดิบ ป่าละเมาะ พบถึงความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,800 เมตร ปัจจุบันนี้ ไก่ป่าที่เรียกกันตามภาษาพื้นบ้านว่าไก่แจ้หงอนแฉกเคยมีอยู่ตามวัดวาอารามมากมายนั้น ได้ถูกผสมข้ามสายพันธุ์จนกระทั่งกลายพันธุ์ หงอนและสีขนเปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือภาพไก่แจ้หรือไก่ป่าเลย