http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 07/08/2024
สถิติผู้เข้าชม14,331,527
Page Views16,660,978
« October 2024»
SMTWTFS
  12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031  
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

บ้านทุ่งแสนสุข ตอน27 เฝ้าน้ำไก่

บ้านทุ่งแสนสุข ตอน27 เฝ้าน้ำไก่

บ้านทุ่งแสนสุข

ตอน 27.เฝ้าน้ำไก่

โดย มณีดิน

             เช้านี้ ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยเมฆฝน ลมนิ่งสนิท อากาศรอบตัวร้อนอบอ้าว สัญญาณบ่งชี้ว่า ฝนจะตกหนัก แน่ละ เข้าหน้าฝนเต็มฤดูแล้วนี่ ยังไงเสียฝนก็ต้องโปรยปรายลงมา เสริมเดินแบกคันไถบนไหล่ขวาผ่านหน้าบ้านผม มือซ้ายจับเรียวไผ่เล่มเล็กๆ มือขวาจูงอีเผือกควายแม่ตัวอ้วนจนอกตันเดินตามต้อยๆ มันพยักหน้าใส่ผมพร้อมกับส่งเสียงบอกกล่าว

              “กูจะไปไถนาคลองอีดูด มึงจะไปกับกูไหม” แล้วหยุดนิ่งรอคำตอบ

              “ไปไม่ได้ วันนี้กูมีงาน” ผมตอบเสียงดัง แววตามีความหวัง

              “งานอะไรของมึงวะ ไปเหอะ ไปช่วยกูถือหางไถ เดี๋ยวกูสอนไถนาให้นะมึง”

กรดหางขาว

              เสริมยังอยากได้ผมไปเป็นเพื่อนช่วยไถนา นาผืนนี้อยู่ใกล้คลองอีดูด ปกติน้ำท่าบริบูรณ์ แต่ถ้าแล้งก็วิดน้ำจากคลองอีดูดเข้านาได้สะดวก  ผมส่ายหน้าปฏิเสธ

              “กูต้องเฝ้าน้ำไก่”

               ผมตอบเสียงดัง นึกกระหยิ่ม งานนี้ได้นั่งเรือไปเที่ยวบ่อนไก่ในป่า ได้กินข้าวแกงข้างสังเวียนชนไก่ และได้เงินค่าจ้าง”เฝ้าน้ำไก่” เหมือนทุก”วันโกน”(ก่อนวันพระ) ที่ผมต้องติดสอยห้อยตาม “นักเลงไก่” 

               เสริมฟังแล้วก็รู้ว่ายังไงผมต้องเอาเงินค่าจ้างมากกว่าเอาเพื่อนอย่างมัน มันเดินจูงอีเผือกไปทางวัด มุ่งหน้าไปนาที่คลองอีดูด ผมมองตาม แม้อยากไปไถนาแต่ก็อยากได้ตังส์   

               เฮียเท้าขับเรือสำปั้นลำใหญ่ติดเครื่องหางยาวมารับผม แล้วก็แล่นเลยไปบ้านลุงเดช ลุงผู้กว้างขวาง ซึ่งมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วคุ้งน้ำ สมญานาม “เจ้าพ่อคลองกะโด” ผมนั่งหัวเรือ หน้าต้านแรงลมจนผมปลิวโด่เด่ ด้านหลังผมเป็นสุ่มไก่ใบย่อม ไอ้กรดหางขาวนั่งนิ่งอยู่ในสุ่ม ลุงเดชนั่งจับสุ่มไก่ด้วยมือซ้าย ส่วนมือขวาวางพาดตัก พร้อมชักปืนที่เหน็บเอว

เหลืองหงอนนาคราช

               เรือแล่นทวนน้ำห้วยคันขึ้นไปเรื่อยๆ น้ำป่ายังไหลมาเอื่อยๆ สีน้ำขุ่น มีเศษสวะไหลปะปนมากับน้ำ เป็นน้ำใหม่ที่ปลาชื่นชอบด้วยว่ามักจะมีแมลงลอยมากับน้ำ หรือสัตว์เล็กสัตว์น้อยกระโดดกระเด้งจากสวะไปเกาะตามหญ้าชายฝั่ง  อาหารของปลาลอยมาตามน้ำเช่นนี้ทุกปีที่น้ำเหนือเริ่มหลาก ถ้าว่าง ผมก็วางเบ็ด ธงเบ็ด ตามชายคลอง แต่วันนี้ ผมมีงาน

               เฮียเท้าจอดเรือชายโคกกลางดงไม้ที่น้ำล้อมเกือบรอบโคก เรือพาย เรือติดเครื่องหางยาว เรือมีประทุนตั้งเครื่องกลางลำ เรือเหล่านี้มาจากต่างท้องถิ่น เป็นเรือของนักเลงชนไก่จากทั่วสารทิศ ผมกระโดดลงไปในน้ำ แล้วลากโซ่ผูกเรือกับโคนต้นไม้ ลุงเดชเดินขึ้นพร้อมกับอุ้มเจ้ากรดหางขาวขึ้นไปด้วย เฮียเท้าเดินตามจับปากสุ่มแล้วก็ไปครอบไว้มุมหนึ่ง สลัดผ้ามุ้งผืนขาวอมเหลืองขมิ้นบนสุ่ม ผมหยิบกะลาน้ำตั้งขวางก้านขาสุ่ม แล้วหาขอนไม้มารองนั่งใกล้ๆ

                ลุงเดชนุ่งโสร่งผืนลายก้าวขึ้นจากเรือแล้วปล่อยเจ้ากรดหางขาวอวดในชุมนักเลง เจ้ากรดห่างขาวเดินอาดๆ เขย่งปลายเท้านิด ท่าทางทระนง  แล้วกระพือปีกก่อนจะโก่งคอขัน ประกาศอาณาเขตที่ย่ำเท้าอยู่ ลุงปานบ้านลาดตาลอุ้มมาอีกตัว ขนาดพอๆกัน สีประดู่ หงอนตั้งแก้มแดงปลั่ง ดูสมบูรณ์และสำอางค์ ใบหน้าไม่กร้านอย่างเจ้ากรดหางขาว แต่ก็ดูมีข้อลำที่ไม่เบา

               “ไงปาน ตัวจะจับกับเราไหม ได้ข่าวว่าตัวนี้เต็งไม่ใช่หรือ” ลุงเดชเอ่ยเอื้อนด้วยวลีนุ่มหู สบตาลุงปานเหมือนเพื่อนสนิทในวงการ

               “มันยังอ่อนอยู่ ท่าจะปะทะแรงเจ้ากรดไม่ไหวนะตัว” ลุงปานกระซิบค่อยๆ

                ผมฟังนักเลงพูดคุยกันด้วยเสียงค่อยๆ นุ่มละมุนหู ผมนึกในใจ นักเลงในหนังขายยาที่วัดดุดัน ทำไมลุงเดชพูดกันด้วยเสียงค่อยๆ ท่าทางไม่ดุดันเลย 

                เฮียเท้าเดินวนอยู่รอบๆตัวลุงเดช เหลียวมองไปทั่วทุกหน้านักเลงไก่ ไม่พูดไม่คุย แต่เงียบสงบเหมือนระวังภัย

กระถางให้น้ำไก่ เฝ้าใครเฝ้ามัน เผลอไม่ได้เดี๋ยวมีหยอดยา

                เจ้าของบ่อนบ้านโคกอีแร้งเดินมากลางลาน แล้วถามว่าจะมีใครลงชนกับเจ้ากรดหางขาวของอาจารย์เดชไหม เดิมพันหมื่นเดียว เงียบงันกันไปครู่ใหญ่ ไก่ใหญ่และแข็งกร้านอย่างเจ้ากรดหางขาวอาจารย์เดช มีชื่อเสียงกระฉ่อนจนคร้านจะหาคู่ตี แต่แล้วก็มีหนุ่มหนึ่ง ผิวขาวลออ บางๆ แต่หวีผมทรงพระเอก น้ำมันวาว เดินเข้ามาหาแล้วยกมือไหว้อาจารย์เดชและนายบ่อน

                “ผม ฉาบลูกพ่อ เฉ่ง มาจากสวนแตง สุพรรณบุรี  ไก่ผมเจ้าเหลืองหางขาว” แล้วหันไปเรียกลูกน้องชื่อ  “เขียว”   

                 “อุ้มไก่มาเปรียบเจ้ากรดหางขาวของอาจารย์เดชซิ”

                 ขาดคำ เขียวปล่อยเจ้าเหลืองหางขาวลงอวด มันเป็นไก่ที่สง่างาม เดินอวดอกตั้งๆหางชี้ ทระนง ใบหน้ากร้านแดง หงอนตั้งนาคราช สวยงามตามตำรับ

                  “หมื่นหนึ่ง น้อยไปนิดนะครับ ขอลองเชิงสัก 2 หมื่นครับอาจารย์” คนหนุ่มใจถึง ห้าวสมเป็นลูกนักเลง เฉ่ง คนดังสวนแตง

                  “ได้ซิฉาบ บอกพ่อด้วยนะ ลุงขอประลองสักหน่อย แพ้ชนะไม่เท่าความสัมพันธ์”

ก่อนใช้ฝาชีหม้อดิน นาบประคบหน้าไก่

                  โอ้ลุงเดชของผม ทำไมเป็นเจ้าพ่อคลองกะโด ใครๆก็กลัวไปทั่วหัวเมือง แต่พูดจาท่าไมไม่เป็นนักเลงเลย ลุงเดชและฉาบต่างควักเดิมพันส่งให้นายบ่อน  นักเลงไก่เดินไปรายล้อมสังเวียนชนไก่ ผมหิ้วกระถางให้น้ำไก่ออกมาตั้ง เทน้ำจากถังที่ใส่น้ำฝนมาจากบ้านห้วยคัน ฝาชีวางหงายใกล้ๆ ม้านั่งเตี้ยๆให้คนให้น้ำไก่นั่งตัวหนึ่ง  เฮียเท้าอุ้มเจ้ากรดหางขาวมาลูบตามตำรับการให้น้ำก่อนขึ้นสังเวียนด้วยผ้าขาวบางสีหม่น

                   ลุงเดชเข้าประจำริงไซต์ ทุกคนลดเสียงลง นายบ่อนยืนกลางสังเวียน แล้วกล่าว

                  “คู่แรกวันนี้ เจ้ากรดหางขาว ไก่ฝีเท้าของอาจารย์เดช บ้านห้วยคัน แขวงเมืองวิเศษไชยชาญ ลงเดิมพัน 2 หมื่นบาท กับเจ้าเหลืองหางขาว ไก่ดีมีประวัติของ ฉาบ ลูกชายโทน อาจารย์ เฉ่ง บ้านสวนแตง สุพรรณบุรี ตีกัน 11 อันยก ขันน้ำและก้านธูปขวั้นตามมาตรฐานบ่อนนี้ เชิญ” นายบ่อนเดินออกจากสังเวียน เฮียเท้ากับเขียวอุ้มไก่ลงปล่อยในสังเวียน  

 

                  ผมนั่งเฝ้ากระถางให้น้ำไก่และฝาชี ชะเง้อมองไปในสังเวียน เห็นเพียงปลายปีกไก่กระพือ  ได้ยินเสียงเพี้ยะพะ เสียงเชียร์แต่ละข้างดังขรม แต่ผมไม่เห็นเลย

                  “หน้าที่มึงนะไอ้ดำ นั่งเฝ้ากระถางให้น้ำไก่ และฝาชีฝนขมิ้นกับปูน ห้ามใครเข้าใกล้ ห้ามให้ใครหยิบหรือมาขอยก เขาจะทายาหรือหยดยาให้ไก่เมา จำไว้นะ ห้ามพลาด”

                  เฮียเท้าย้ำนักหนา เน้นแล้วเน้นอีก จนผมรู้ด้วยความฉลาดว่า กระถางให้น้ำไก่ชนและฝาชีฝนขมิ้นสำคัญยิ่งชีวิต นี่แหละงานของผม  ไม่ว่าไก่จะชนะหรือแพ้ ภารกิจนี้คือหน้าที่ที่ผมพลาดไม่ได้  พลาดอด วันละ 50 บาท

                  "วันนี้ไม่ใช่วันของเรา หมดไปสองหมื่นกับห้าสิบบาท"ลุงเดชพูดเบาๆ

                  "อา ไม่ใช่สองหมื่นถ้วนหรอกรึ" เฮียเท้าสงสัย ลุงเดชมองหน้าแล้วยักคิ้ว

                  "ไก่แพ้ชนะ ไอ้ดำมันเอา 50 บาททุกครั้งโว๊ย" แล้วลุงก็หัวเราะขำๆ ยื่นเงินให้ ผมรับใส่กระเป๋าแล้วยกมือไหว้นอบน้อม

                  เช้าวันเปิดเรียน ผมเหมาขนมถ้วยฟูยายบางเลี้ยงเพื่อนๆเต็มที่ เสริมกับเฮี้ยงกินไปยิ้มไป ได้กินฟรี  

 

ฝาละมีหรือฝาชีหงายไว้ใช้อังผ้ามุ้งบางๆเช็ดประคบหน้าไก่

 

               

Tags : บ้านทุ่งแสนสุขตอน26.แห่นางแมว

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view