http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม13,994,740
Page Views16,303,050
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

วัดโพธิ์ ท่าเตียน 1.

วัดโพธิ์ ท่าเตียน 1.

วัดโพธิ์ ท่าเตียน 1.

โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

            ผมเข้ากรุงเทพครั้งแรกด้วยเรือโดยสารสองชั้นขนาดใหญ่ เรียกกันว่าเรือแดงหรือเรือเขียว ชั้นล่างวางสินค้าการเกษตรจากบ้านทุ่งเช่น กระบุงใส่ไข่เป็ด  มัดผักบุ้งทอดยอด หรือมัดผักกะเฉด เข่งใส่เป็ดไก่ ค่อนไปทางท้ายเรือเป็นเครื่องยนต์และห้องสุขารูปสี่เหลี่ยมทรงสูง กลางเรือมีบันไดขึ้นไปชั้นบน มีเสื่อปูเรียงกันนั่งๆนอนๆ เป้าหมายท่าเรือที่เรียกกันว่า ท่าเตียน

 

           เป็นเช้าตรู่ที่ตื่นขึ้นมาฟ้าอมรนครรัตนโกสินทร์ แม่น้ำเจ้าพระยากว้างใหญ่เรือลำใหญ่ลำเล็กแล่นสวนกันไปมา เรือแดงลำที่ผมโดยสารมากำลังถอยหลังเสียงดังลั่นคุ้งน้ำ เพื่อเทียบกับท่าให้แนบสนิท เด็กท้ายเรือวิ่งไปคว้าเชือกเส้นโตๆ แล้วกระโดดขึ้นแพท่าเรือ คล้องเชือกกับเสาแพ แล้วก็ขมวดปมจนแน่น เรืองนิ่งสนิท แม่ค้าทยอยกันขึ้นของ วุ่นวายไปทั้งท่า

 

          ผมหิ้วกล่องนมบรรจุเสื้อผ้าและของใช้ด้วยมือขวา มือซ้ายป่ายไปจับเสาเรือ กลัวตกน้ำ กว่าจะขยับขึ้นมาจนถึงคอสะพานท่าเรือก็เสียวไม่น้อย แม่สั่งว่าขึ้นไปแล้วให้ตรงไปยืนที่ป้ายรถรางตรงข้ามวัดโพธิ์ วัดที่มียักษ์ถือกระบองเล่มโต ไอ้ตัวที่ข้ามไปตีกับยักษ์วัดแจ้ง แล้วก็รอจนรถรางสีเหลือแดงแล่นมาจอด บอกเขาว่าไปลงเทเวศน์ซอย3.นะ

 

            ตอนนั้น ผมเห็นยักษ์วัดโพธิ์สองตน เขียวตนแดงตน แต่ก็ไม่เห็นยักษ์วัดแจ้ง เพราะว่าอยู่คนละฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เนื้อเพลงที่ลุงมีศักดิ์ นาครัตน์ ร้องสนุกจนจำกันแม่น ส่วนในวัดจะเป็นยังไงไม่ได้เข้าไปดู กลัวแต่จะตกรถรางไปเทเวศร์ นั่นคือเมื่อผมอายุ 15 ปีย่าง 16 ปี  เวลานี้ผมอายุ 65 ปี ช่วงเวลาที่ล่วงเลยมานานแสนนานนั้น ผมเพิ่งจะได้เข้าไปชมความงดงามของวัดโพธิ์ท่าเตียน หรือเรียกกันเต็มๆว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

 

             ครั้นปีพ.ศ.2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ขึ้นครองราชย์ ได้โปรดให้ย้ายพระบรมมหาราชวังข้ามฟากมาสร้างยังเกาะเมืองบางกอก  ได้ทรงให้ปฏิสังขรณ์วัด 2 วัดที่ขนาบพระนครอยู่คือ วัดสลักหรือวัดพระมหาธาตุ กับวัดเก่าแก่ชื่อวัดโพธาราม เมื่อปีพ.ศ.2331 แล้วเปลี่ยนชื่อเมื่อปีพ.ศ.2344 เป็นวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส ความสำคัญคือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1. ใต้พระแท่นพระประธานในโบสถ์บรรจุพระอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1.

 

            ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ทรงโปรดให้ขยายพื้นที่วัด แล้วสร้างพระพุทธไสยาสน์องค์โต พระพักตร์สูง 15 เมตร ตลอดพระวรกายยาว 46 เมตร  เสาวิหารต้นสี่เหลี่ยมใหญ่ๆ ค้ำหลังคาสูงลิบลิ่ว องค์พระพุทธไสยาสน์หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก หันพระเศียรไปทางทิศตะวันออก พระพุทธบาทประดับมุกไฟเป็นมงคล 108  ภายในแต่งแต้มด้วยจินตนาการวิจิตรพิสดาร แต่ละภาพฝีมือระดับช่างหลวง ปีพ.ศ.2375

 

               ภาพเหนือขอบหน้าต่างเป็นเรื่องพระมหาวงศ์(พงศาวดารลังกาทวีป) ส่วนภาพวาดระหว่างหน้าต่างเป็นพระสาวิกาเอตทัคคะ(ภิกษุณี) 13 องค์ อุบาสกเอตทัคคะ 10 ท่าน อุบาสิกาเอตทัคคะ 10 ท่าน  ปีพ.ศ.2344 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ได้ทรงเปลี่ยนชื่อเป็นวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม มหาวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก พื้นที่ 50 ไร่ 38 ตารางวา     

      

                 ด้านหลังวิหารประดิษฐานองค์พระพุทธไสยาสน์ มีสวนจีนและเก๋งจีน ประดิษฐานพระสังกัจจายน์ และศิลปะประดิษฐ์แบบจีน   ซุ้มประตูวาดภาพเทพเจ้าจีน งดงามด้วยฝีมือและสีสันที่งดงามตามแนวศิลป์ ผมเดินข้ามไปอีกซุ้มประตู มีรูปปั้นยักษ์ไว้สองตน แต่ครอบในกระจก เขียวตนแดงตน ไม่ใหญ่โตอย่างที่คิด

 

 

                  พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล พระมหาเจดีย์ทั้งสี่องค์อยู่ในบริเวณกำแพงสีขาว ซุ้มประตูทางเข้าเป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์แบบจีน ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ เครื่องถ้วยหลากสี มีตุ๊กตาหินจีนประตูละคู่ พระมหาเจดีย์แต่ละองค์เป็นเจดีย์ย่อไม้สิบสองเพิ่มมุมสูง ๔๒ เมตร ประดับกระเบื้องเคลือบและกระเบื้องเครื่องถ้วยลวดลายต่างๆ สังเกตได้ง่าย



                   องค์ประกอบด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว นามว่า พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๑ เพื่อครอบพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่สูง ๑๖ เมตร ได้ชะลอมาจากพระราชวังที่กรุงศรีอยุธยา ภายในบรรจุพระบรมธาตุ นับเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ ๑



                   พระมหาเจดีย์องค์ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีขาว นามว่า พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิทาน สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ ทรงพระราชอุทิศถวายแด่พระบรมราชชนก คือรัชกาลที่ ๒ นับเป็นพระมหารัชกาลที่ ๒

                  พระมหาเจดีย์องค์ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง นามว่า พระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ ทรงพระราชถวายอุทิศถวายเป็นพุทธบูชา นับเป็นพระมหาเจดีย์ประจำพระองค์



                 

            

                   พระมหาเจดีย ์องค์ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีขาบหรือน้ำเงินเข้ม เป็นพระมหาเจดีย์ที่รัชกาลที่ ๔ ทรงสร้างขึ้นตามแบบพระเจดีย์ศรีสุริโยทัย กรุงศรีอยุธยา นามว่า พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา



                   สมัยรัชกาลที่ ๔ นั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัยไว้ ๑ องค์ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ครั้นใกล้จะเสด็จสวรรคตได้มีพระราชดำรัสเฉพาะกับรัชกาลที่ ๕ ว่า “พระเจดีย์วัดพระเชตุพนฯ นั้นกลายเป็นใส่คะแนนพระเจ้าแผ่นดินไป ถ้าจะใส่คะแนนอยู่เสมอจะไม่มีที่สร้าง ควรจะถือว่าพระเจ้าแผ่นดินทั้งสี่พระองค์นั้นท่านได้เคยเห็นกันทั้งสี่พระองค์จึงควรมีพระเจดีย์อยู่ด้วยกัน ต่อไปอย่าให้ต้องสร้างทุกแผ่นดินเลย” (พระราชวิจารณ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เรื่อง จดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี) (เพื่อความถูกต้องจึงขอคัดลอกจากเว็บไซต์วัดโพธิ์)

 

                   ตะวันเลื่อนลอยจนลับไปจาหลังคาวิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ ผมยังเดินเก็บรายละเอียดการประดับประดาพระมหาเจดีย์ทุกองค์ด้วยกระเบื้องเคลือบ สีสันสวยงาม ลวดลายวิจิตร ย่อมุมแต่ละมุมแปลกตา แต่ไม่ได้ใส่ใจว่าจะเป็นจากองค์พระเจดีย์องค์ใด  เอาเป็นว่าอยากให้เห็นรายละเอียดการประดิดประดอยของช่างสิบหมู่ก็แล้วกัน

 

                    นี่คือศิลปะประดิษฐ์ของวัดโพธิ์ท่าเตียน  แต่ถ้าไปวัดอื่นๆในยุคสมัยเดียวกันก็อาจจะได้ภาพที่คล้ายคลึงกัน ส่วนจะมีความประณีตบรรจงเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับระดับของฝีมือช่าง เท่าที่ผมถ่ายรูปมาได้นี่ ก็รู้สึกว่า มันช่างงดงามเหนือคำพรรณนา สุดจะหาที่เปรียบมิได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีความงดงามที่ซ่อนเร้นอยู่อีกก็อาจจะเป็นได้  ณ วันนี้ ผมยอมรับโดยดุษฎีว่า สุดยอดพระอารามหลวงชั้นเอกจริงๆ

Tags : บ้านทุ่งแสนสุขตอน22.

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view