http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 08/05/2024
สถิติผู้เข้าชม14,065,096
Page Views16,376,729
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

ท่องเที่ยวผ่านฟ้าวันแดงเดือด โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

ท่องเที่ยวผ่านฟ้าวันแดงเดือด                โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

                                           ท่องเที่ยวผ่านฟ้าวันแดงเดือด     

                                                                                               ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ   
                    

                  วันเดียวเที่ยวที่ไหนดีวันนี้อยากไปเที่ยวกลางใจเมือง ผ่านถนนสายหลักสำคัญของกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน แต่หัวใจของเส้นทางสายนี้มีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เป็นหน้าเป็นตาด้วยว่าพื้นที่ท่องเที่ยวโดยรอบสวยงามตระการตาและนับว่าน่ามหัศจรรย์ที่สรรค์สร้างขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ตัวเล็กๆ 
                  แต่วันนี้มันเป็นวันแดงเดือดเสียด้วยนะซี เรื่องมันจึงน่าสนใจยิ่งนัก ไปกับผมนะครับ แล้วคุณจะเห็นและรู้ว่า มันน่าสนใจจริงๆ 

 
                       อย่าบอกนะว่าน้ากับหลาน                                                 พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้า...งามสง่า

 
                    บันไดโรงแรมรัตนโกสินทร์                                                        ในเต๊นท์  เพียบ

                  วันที่ 14 มีนาคม 2553 ผมลงรถแท็กซี่ที่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ งงๆเหมือนกันที่มองไปทางไหนก็มีแต่คนใส่เสื้อสีแดง ริมถนนรนแคมจนถึงตีนบันไดโรงแรมก็ไม่เว้น ผมปวดฉี่เข้าไปในโรงแรม ตกใจเลย คนเสื้อแดงนอนกันเกลื่อนกราดไปหมด โรงแรมนี้เขาเป็นโรงแรมคนเสื้อสีแดงกระนั้นหรือ? 
                  ผมเดินลงมาแล้ว ก็เดินไปทางสี่แยกคอกวัว ผ่านไปทางไหนก็มีแต่คนเสื้อแดง แดง แดง แดง มีเต็นท์กางร่มให้คนเสื้อแดงเข้าไปหลบแดด ผ่านไปกี่เต็นท์ก็ไม่ได้นับ แต่เห็นว่ามีทั้งสองฝั่งถนน จนไปจดสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เฮ้อ เกิดอะไรขึ้นกันหรือนี่ 


                               ดอกหงอนไก่สีแดง                                                      โลหะปราสาทอลังการ

                   เดินไปถึงโรงหนังศาลาเฉลิมเขตในอดีตที่ผมเคยมาดูหนังกับแฟน วันนี้เป็นพื้นที่หน้าอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 3 พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถิตย์อยู่เหนือลานกว้างขวาง มีดอกไม้สีสันสดใส แต่ว่าเป็นดอกหงอนไก่สีแดงปลูกประดับอยู่เสียอีก   ศาลาไทยสวยงามมากๆ ให้ร่มเงาทุกหย่อมดารดาดด้วยคนใส่เสื้อแดง ผมเดินผ่านไปจดจ้องถ่ายรูป "โลหะปราสาท" หลังอุโบสถวัดราชนัดดาราม  ณ วันนี้เมื่อไม่มีโรงหนังบดบังจึงดูสวยสมนัก

                                      
                                                          ดอกต้นเสลา ม่วงแล้วขาวเมื่อแก่ก่อนโรย

                    โลหะปราสาท สร้างสมัย รัชกาลที่ 3 พ.ศ.2394 หลังอุโบสถวัดราชนัดาราม เป็นโลหะปราสาทหนึ่งเดียวของประเทศไทย เป็นโลหะปราสาทหลังที่ 3 ของโลก ลอกเลียนแบบอย่างจากประเทศศรีลังกา ยอดปราสาทบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ  ด้วยสถาปัตยกรรมไทย 3 ชั้น 37 ยอด เรียกว่า พระโพธิปักขิยะธรรม 37 ประการ สวยอลังการงานสร้างจริงๆ
       

 
                                 คลองมหานาค                                                                  สุดพรรณนา


 
                             ป้ายของเธอเล่าเรื่องได้                                                             ชื่นชมสมใจ

                   ผมเดินผ่านไปที่ป้อมมหากาฬด้านหน้าที่ทอดเชื่อมกับกำแพงกรุงเก่าริมคลองมหานาค ก็มีแต่คนใส่เสื้อแดงขึ้นไปนั่งบ้างนอนบ้างตามกำแพง เวทีใหญ่ของคนเสื้อแดงรูปโค้งตระหง่านอยู่ข้างๆป้อม  ผมเดินผ่านไปยังสะพานข้ามคลองมหานาค ถ่ายรูปคลองที่เคยใสสะอาด แต่วันนี้ดำปึดปื๋อ ด้วยน้ำเสียจากทุกครัวเรือนไหลหลั่งลงไป  โคตรสกปรก  แต่ก็มีเรือหางยาวขนาดใหญ่ วิ่งรับส่งผู้โดยสาร เป็นเรือด่วนในคลองน้ำดำทั่วกรุง    
                   เมื่อเรือแล่นเร็ว น้ำสกปรกกระเด็นใส่เปาะแปะ และเหม็นหึ่ง แต่คนกรุงเทพฯต้องทนทุกวัน ทนเพื่อรอว่า กรุงเทพฯจะมีระบบขนส่งมวลชนที่สมบูรณ์แบบ  และรอว่าอาจจะมีใครคนหนึ่งกลับมาสร้างให้

 
                                     หนูแดงแจ๋ค่ะ                                                                     ...............!!

             
                                    หัวใจให้คุณ                                                               กล้ามาก หนูน้อย

 
                    ผมเดินไต่ไปตามบันไดขึ้นภูเขาทอง ว่ากันว่า ภูเขาทองสร้างขึ้นเมื่อสมัยรัชกาลที่ 3 พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ดินอ่อนทรุดตัวลงไปแล้วหยุดสร้าง ต่อมารัชกาลที่ 4 ดำเนินการสร้างต่อ ไม่เสร็จอีก สวรรคต มาเสร็จเอารัชกาลที่ 5 รวมเวลา 50 ปี ภูเขาทองเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พระบรมบรรพต สูง 100 เมตร
                    ภูเขาทองอยู่ในวัดสระเกศซึ่งเดิมชื่อว่าวัดสระแก สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา จนเมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 1 ทรงเปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็นวัดสระเกศตราบจนถึงปัจจุบันนี้   

   

                             นกบั้งรอกใหญ่                                                               นี่ก็นก แต่เรียกว่า หงส์

                 ผมเดินขึ้นไปตามขั้นบันไดที่สร้างได้เยี่ยมมาก ย่างก้าวสั้นๆ แต่ผมก็ไม่ได้นับอีกว่ามีกี่ขั้นกันแน่  ขั้นบันไดสั้นมันช่วยให้ไม่กินแรงเลย ข้างๆบันไดมีต้นไม้ร่มครึ้ม ผมเห็นนกชนิดหนึ่งน่าจะเป็นเจ้าบั้งรอกใหญ่ ผมกดกล้องเก็บภาพไว้ทันที วัดกลางกรุงมีนกสวยๆอย่างนี้ให้เห็นได้ไง ผมเดินขึ้นไปถึงชั้นที่สถิตย์ด้วยพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอันเชิญมาจากกรุงกบิลพัตร  ประเทศอินเดีย  ผมกราบสามคราแล้วก็ถ่ายรูปไว้อีกตามปกติวิสัย  

              
                              พระบรมสารีริกธาตุ                                                                เจดีย์ทรงลังกา

                  เมื่อขึ้นไปถึงแดนสวรรค์ชั้นบนสุด ก็ได้พบกับพระเจดีย์ขนาดใหญ่สูงตระหง่านเสียดฟ้า สีทองอร่ามตัดกับท้องฟ้าสีเข้ม สวยงามยิ่ง ผมเดินวนไปตามระเบียงลอยฟ้า เห็นอุโบสถวัดสระเกศราชวรวิหารทางทิศตะวันออก  เห็นอุโบสถวัดราชธิดาราม และโลหะปราสาททางทิศตะวันตก  แล้วผมก็ได้เห็นตึกรามบ้านช่องแปลกตาจากมุมสูง บ้านเมืองเจริญขึ้นด้วยสิ่งก่อสร้างดังว่า
                   ลมเย็นพัดตึง ชื่นใจครับ

    
                                                                                พลังแดง.......ธงแดง  

 
 
                            สู้ค่ะ......ชูสองมือ                                                                      นอนสู้..ค่ะ
                                                                                               

                  ผมกลับลงมาอีกครั้ง เข้าไปร่วมในขบวนคนเสื้อแดงเตรียมบุกราบ 11  คืนนั้นผมกลับไปนอนโรงแรมใกล้ถนนข้าวสาร เพื่อว่ารุ่งขึ้นวันที่ 15 มีนาคม 2553 ผมจะไปร่วมขบวนบุกราบ 11  ผมโชคดีมากที่ได้เกาะไปกับแท็กซี่ใจดีชื่อ สมชัย อาบพล  คนอุบลราชธานี โทร.081-1395449 แต่ก็อย่างว่า มีเพียงผมคนเดียวก็กระไรอยู่ พลัน นท.วิทยา โสอุบล และภรรยา เจ้าของร้านอาหาร บ้านคนเสื้อแดงเลขที่ 24  มาจากอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม และคุณทองอยู่ ไกรทองสุข คนหนองแขม เป็นเพื่อนร่วมเดินทาง เราหัวใจสีแดงเหมือนกัน สนุกสนานตลอดการเดินทาง "ลุย"(ถ่ายรูปใช้งานเว็บไซท์)

 
                             แท๊กซี่เสื้อแดงกับคณะ                                                 บุกไปเยือน เห็นแต่รั้วลวดหนาม

 
                            เจ๊..ไม่กลัวหน้าดำหรือ                                                       ตีนภูเขาทองมีร้านกาแฟ

                   ขบวนรถยนต์นำโดยรถบรรทุกขนาดกลาง มีแกนนำเสื้อแดงปราศัยอยู่บนหลังคาเช่น จตุพร ณัฐวุฒิ  เจ๊ดา ฯลฯ มุ่งไปตามถนนกลางกรุง ตามด้วยรถแท๊กซี่ รถยนต์ส่วนบุคคล รถตุ๊กๆ รถปิกอัพ รถซาเล้ง รถมอเตอร์ไซด์ และผู้คนที่เดินๆ ๆ ๆ แดงไปทั้งท้องถนน แค่นั้นยังไม่พอ ผ่านไปทางไหน สองฝั่งถนนมีผู้คนใส่เสื้อแดงบ้าง เสื้อฟอร์มทำงานบ้าง ยืนรับและโบกมือแสดงความชื่นชม ที่ขบวนคนเสื้อแดงผ่าน 

 
                          เสียงแคน โสร่งแดง                                                         องค์การเภสัชกรรม ก็แดง

 
                      มีให้เห็นทั่วไปในเส้นทาง                                                          เดิน เดิน เถิด เดิน
  
                 เหมือนอย่างกับวีระบุรุษกลับจากสงครามอย่างไรก็อย่างนั้น ตลอดทางที่ไปถึงราบ 11 ไม่เห็นคนอารมณ์เสียจากการจราจรติดขัดเลย และเมื่อเดินทางกลับ ก็ได้เห็นภาพเช่นเดิม บางคนถอดเสื้อทำงานออกแล้วใส่เสื้อแดง บางคนเป่าแคนส่ายเอวยักก้น สื่อว่า กูมาจากไหน

 
                       สองฝั่งถนนมีพี่น้องให้กำลังใจ                                                   สัมภาษณ์ฝรั่งเสื้อแดงรัก ปชต.


  
                                  ผู้สื่อข่าวเพียบ                                                                   แดงทั้งครอบครัว

                  ผมกลับมาถึงถนนราชดำเนินและติดกับอยู่ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศครับ ผมตกอยู่ในมหาประชาชนคนเสื้อแดงที่เต็มเปี่ยมด้วยอุดมการณ์ ผมเดินตามไปขอข้าวขอน้ำกินฟรี เขาทำแจกกันด้วยหัวใจสีแดงจริงๆ ที่นั่งกินก็เลือกได้ตามใจชอบ แต่คนชอบถ่ายรูปอย่างผมกินไปคุยไปไม่ได้  รีบโซ้ยเอาโซ้ยเอา
                  ผมเดินถ่ายรูปไปจนทั่วตั้งแต่ถนนราชดำเนินช่วงรอยต่อสนามหลวงไปจนถึงพระบรมรูปทรงม้า มีแต่คนเสื้อแดงฝังตัวนอนอยู่อย่างสมถะ อดทน และตั้งมั่นที่จะอยู่เพื่อเรียกร้องขอประชาธิปไตยที่แท้จริงคืนมา 
                  ผมกลัวใจพี่น้องรากหญ้าเหล่านั้นจริงๆ เขาช่างกล้าหาญชาญชัยนัก

                                            
                                                     พี่มารถป่าไม้แก่เอ้ยเก่า ก็นำหน้า สว.มาเอง    

 
                              น้าพงษ์แดง                                                                           น้าอ้อยก็แดง 

                  ภาพที่ผมเห็น มันตราตรึงใจจนน้ำตาแทบร่วง  เขาต้องทนทุกข์ทรมาน  ต้องมาอยู่อย่างยากลำบากกาย แผ่นปูนและถนนราดยางที่ร้อนระอุ แต่หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นปรารถนาประชาธิปไตย

                  เหนื่อยอ่อนก็นอนพักผ่อนในเต็นท์ คนที่มีกำลังก็ยังเดินไปนั่งรวมตัวกันหน้าเวทีใหญ่ ยกมือที่แข็งแรงตบตีนไม่ขาดสาย มองไปทางปลายถนนราชดำเนินก็แดงไปตลอดสาย มองไปทางถนนนางเลิ้งก็แดงไปหมด ถนนหลานหลวงเป็นอัมพาตขาดการจราจรโดยปริยาย 


 
                    ด้วยความรู้สึก.............                                                              กูจะสู้ กูจึงมาสู้กับมึง

 
                            เหนื่อยก็ล้มตัวลงนอน                                                    ผ่อนพักกายาเถอะพี่น้อง

                  คืนนั้น แกนนำประกาศความเคลื่อนไหว  เวลา  08.00 น.ให้มาเขียนใบสมัครบริจาคโลหิตคนละ 10 ซีซี เพื่อรวมกันให้ได้ 1 ล้านซีซี เพื่อนำไปสาบแช่งคณะรัฐบาลของอำมาตย์ เป้าหมายอยู่ที่ประตูเข้าทำเนียบรัฐบาลทุกประตู พรรคประชาธิปัตย์  และบ้านนายกรัฐมนตรีของอำมาตย์ ไอ้หมีน่าฮัก (ในอีกวันหนึ่ง) 

                  วันรุ่งขึ้น เวลา 08.00 น. แกนนำ  วีระ มุสิกพงษ์ เจาะเลือดโดยแพทย์อาสาจำนวนมาก แล้วชาวรากหญ้าที่ถูกกดขี่ว่าเป็นชาวไพร่ก็ทะยอยกันเจาะเลือด  แล้วสูบเก็บในขวดพลาสติกขนาดใหญ่ ผมพบกับนักข่าวจากประเทศตุรกีเขาหัวเราะแล้วบอกผมว่า เขาบริจาคไป 600 ซีซี สบายๆ แล้วเขาก็ยิ้ม 
                  นั่นหมายความว่า เขาเรียกร้องประชาธิปไตยด้วยใช่หรือไม่

                                                
ความคิดที่แตกต่าง                                                                       นักข่าวจากตุรกีก็บริจาค                                                         



 
                           จตุพร..........ราดเลือด                                                      แบกเลือดเพื่อนๆมาเท

                  บ่ายแก่ๆ ขบวนแห่ไปยังทำเนียบรัฐบาล ราดเลือดจนแดงฉานท่ามกลางตำรวจทหารที่เฝ้าระวังอยูในทำเนียบอย่างแข็งขัน  นักข่าวทั่วโลกนับจำนวนไม่ได้ ถือกล้องบันทึกการทำพิธีกรรม ผมพบกับนักข่าวคนหนึ่ง ฝรั่งคนนี้ทำข่าวอยู่ในประเทศไทยมา 8 ปีกว่าแล้ว พูดไทยได้ชัดเจนเช่นคนแรก ผมก็เลยถามว่า คุณรู้สึกอย่างไรกับการปกครองของประเทศไทย
                  เขาตอบด้วยสีหน้าท่าทางเป็นขำและสังเวชว่า "ตลกมาก" 


 
                         ป้อมมหากาฬแดงฉาน                                                 สะพานผ่านฟ้าลีลาศคราคร่ำ..เห็นมั้ย!!

                  เกิดการต่อรองเพื่อขอเข้าไปราดเลือดชาวไพร่สดๆที่ประตูทำเนียบรัฐบาล
                  ณัฐวุฒิ ใสเก้อ พูดขึ้นว่า "ลำพังประตูและตำรวจทหารแค่นี้ กดดันได้ เข้าไปได้ แต่ไม่อยากทำ จึงขอให้เปิดทางด้วย" 
                  การต่อรองสำเร็จ สามารถเข้าไปทำพิธีได้ 100 คน พราห์มทำพิธีกรรมและแล้วเลือดชาวไพร่ก็หลั่งโลมดิน แดงฉานไปทั่วประตูที่คณะรัฐบาลนี้จักต้องเหยียบย่ำไปบนรอยเลือดไพร่ด้วยกันอย่างน่าอดสูใจยิ่งนัก แล้วการเดินทางไกลจากทำเนียบไปยังพรรคประชาธิปัตย์ก็เกิดขึ้นอีกครั้งเป็นคำรบสอง

                     
                                                                  โลหะปราสาทยามค่ำคืน..งาม

                   ตะวันโรยแสงลงจนมืดมิด การราดเลือดไพรที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีอุปสรรคขัดขวางใดๆ  เลือดไพร่แดงฉานทั่วประตูทางเข้า และพระแม่ธรณีบีบมวยผม ฝูงชนคนเสื้อแดงเดินบ้าง นั่งรถบ้าง กลับสู่เคหา "สะพานผ่านฟ้าลีลาศ" แดงเถือกไปทั้งถนนที่มุ่งสู่
                   ผมเดินเข้าไปยังลานหน้าเวทีอย่างยากลำบากจากฝูงชนที่หนาแน่น  ผมเห็นภาพป้อมมหากาฬสวยงาม ผมเห็นโลหะปราสาทสุกปลั่งจากแสงไฟที่สาดส่อง ผมเห็นพระเจดีย์ภูเขาทองแพรวพราวอยู่บนฟากฟ้า ผมก็เลยถ่ายรูปมาฝากครับ

 
                   ยามค่ำคืนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย                                                      ภูเขาทอง

                   ผมเห็นตะวันรุ่งสุริยาฟ้าใส เมื่อประเทศไทยจักได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับมา ทุกคนจะมีสิทธิและเสียงเรียกร้องเท่าเทียมกัน เพื่อให้มีสิทธิแบ่งปัน ควบคุม จัดการ ทรัพยากรของเราเสมอกัน  และมีสิทธิเลือกรัฐบาลด้วยเสียงที่บริสุทธิ์ 
                    ผมเดินออกมาด้วยน้ำตาคลอเบ้า ผมตกไปอยู่ในสงครามความคิดที่แตกต่างที่จะไม่มีวันลืมเลือน ผมมีเรื่องให้จดจำอีกวาระหนึ่งก่อนวางวาย เป็นวันเดียวเที่ยวแล้วเหนื่อยที่สุด แต่ภูมิใจอะ

                               
                                                   อารมณ์ขัน..น่ารักๆ มาร์คกับป๋า

                 คนเสื้อแดงออกมาครั้งนี้ บ่งชี้ว่าประเทศไทยวันนี้ ไม่มีระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง  มีกฎหมายที่เลือกใช้กับคนต่างสีต่างความเป็นธรรมชัดเจน  เกิดอารยะขัดขืนจากคนส่วนใหญ่ของแผ่นดิน  รัฐบาลบริหารราชการได้แบบกู้มาโกง  คณะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไม่สามารถไปจังหวัดไหนได้เลย ไปก็ถูกขับไล่จนหางจุกตูด  รู้กันทั่วไปว่า มีอำมาตย์ใหญ่อายุ 80-90 ปี แอบสั่งการบริหารราชการดุจเป็นนายกรัฐมนตรีเงา  สื่อมวลชนกระแสหลักถูกครอบคลุม(ไม่ใช่แทรกแซง)เพื่อให้บิดเบือนข่าวสารโดยสิ้นเชิง  
                  พรรคร่วมรัฐบาลได้โอกาสกอบโกยแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา แต่มิใช่ว่าพรรคแกนนำเช่นประชาธิปัตย์จะไม่ได้โอกาสโกงนะ เอากับเขาเต็มพิกัด

                                 
                                                           เลือดไพร่นองแผ่นดิน..หน้าประตูทำเนียบ

                       เลือดไพร่ที่หลั่งโลมดินมันไร้ค่าและความหมายเช่นนั้นแน่นอน  กองทัพที่ใช้เงินภาษีประชาชนคนทั้งประเทศซื้ออาวุธปืน ระเบิด ลูกปืน  ตลอดจนค่าเบี้ยเลี้ยง เงินเดือน สวัสดิการทุกรายการ  แต่กลับเตรียมพร้อมจะเอาอาวุธเหล่านั้นมา ฆ่า เจ้าของเงิน  เกิดกระบวนการล้มศาลยุติธรรมให้เป็นศาลอยุติธรรม  ไม่มีความละอายต่อบาปจากชนชั้นอำมาตย์ และสมุน  
                       อนาคต เลือดจะนองแผ่นดิน แต่จะมีแต่เลือดรากหญ้าเช่นนั้นหรือ เลือดอำมาตย์เล่า มันจะไหลจนหยดสุดท้ายไหม ?  แต่ไม่ว่าเลือดใครก็จะแดงฉานไปทั้งแผ่นดิน 
                       ไทยฆ่าไทย แล้วใครจะอยู่ร้องเพลงชาติไทยกันเล่า

   
                       
  


                                                                                               

Tags : onedaytrip วันเดียวเที่ยวที่ไหนดี ภูเขาทองวัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view