http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม13,960,856
Page Views16,267,205
« March 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31      
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

ท่องอุบลแบบคนอุบลตอน7.วัดหลวงแห่งอุบลราชธานี

ท่องอุบลแบบคนอุบลตอน7.วัดหลวงแห่งอุบลราชธานี

ท่องอุบลแบบคนอุบล

๗.วัดหลวงแห่งอุบลราชธานี

 

“เอื้อยนาง”   

             อุบลราชธานี ถือเป็นเมืองแห่งพุทธศาสนา  แม้จะมีผู้นับถือศาสนาอื่นอยู่ด้วยไม่น้อยแต่พลเมืองกว่าครึ่งหนึ่งของอุบลราชธานีก็เป็นพุทธศาสนิกชน  เห็นได้จากการมีวัดวาอารามมากมาย  ตั้งอยู่เคียงชิดติดกัน  โดยเฉพาะในตัวเมือง  

            แน่ละอาจเป็นพุทธแบบที่มีความเชื่อดั้งเดิมเจือปนอยู่  แต่นั่นก็เป็นวิถีธรรมดาของผู้คนในอุษาคเนย์  ที่มีวิถีปฏิบัติแห่ง ผี-พราหมณ์-พุทธ อยู่ผสมกลมกลืนจนแยกไม่ออกในทุกชนชั้นมิใช่หรือ


            บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งอุบลราชธานีนั้นเป็นที่รู้กันตามประวัติว่าเป็นกลุ่มพระวอ พระตา และลูกหลาน ไพร่พล ที่หนีราชภัยจากเวียงจันทน์ด้วยความขัดแย้งอย่างรุนแรง  จึงต้องดั้นด้นรอนแรมซอกซอนหาที่เหมาะสม  เมื่อถูกตามไล่ล่าก็ได้แยกย้ายกันไปเป็นกลุ่มย่อยไปอยู่หลายแห่ง หลายที่เพื่อสั่งสมเสบียงและกำลังคอยช่วยเหลือเป็นเครือข่าย   หลายแห่งตั้งอยู่เป็นหลักปักอยู่เป็นฐาน เป็นบ้านเป็นเมืองกระจัดกระจาย  เผยแพร่วัฒนธรรมแห่งตนสืบมาในแว่นแคว้นแดนอีสาน


            แต่กลุ่มใหญ่ที่สุดคือกลุ่มพระตามีนักรบกล้าเป็นกองหลังคอยระวังเหตุ คือ พระวอผู้น้อง และท้าวคำผงบุตรคนโตของพระตา  จึงได้พากันซอกซอนรอนแรมไปจนถึงนครจำปาศักดิ์  เจ้าองค์หลวงผู้เป็นเจ้าเมืองได้ช่วยเหลือให้พักพิงตั้งบ้านอยู่เวียงดอนกอง ชายนครจำปาศักดิ์  ต่างช่วยเหลือสนิทชิดใกล้จนท้าวคำผงได้อภิเษกกับเจ้านางตุ่ยพระธิดาของอุปฮาดธรรมเทโวแห่งจำปาศักดิ์  และแต่งตั้งให้เป็น พระปทุมสุรราช แต่สุดท้ายทางเวียงจันทน์ยังไม่ยอมปล่อย และได้ส่งกองทัพมาไล่ล่าจนพระวอ พระตาสิ้นชีพ  ท้าวคำผง(พระปทุมสุรราช)จึงได้มีใบบอกไปทางนครราชสีมาขอพึ่งพระโพธิสมพาร ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรี และอพยพจากเวียงดอนกอง บ้านดู่ บ้านแกสู่ดอนมดแดงริมฝั่งน้ำมูล   ขยับขยายมาตั้ง ณ บ้านห้วยแจระแม  และดงอู่ผึ้ง เนินป่าอันอุดมสมบูรณ์ใกล้ปากน้ำมูลน้อยที่ไหลมาบรรจบแม่มูล  นั่นจึงเป็นกำเนิดเมืองอุบลที่มั่นคงมาจนปัจจุบันที่มีวัดวาอารามแน่นหนาดังกล่าว


ลูกหลานชาวอุบลของท้าวคำผง

            ดงอู่ผึ้งในหนังสือประวัติอุบลราชธานีที่จาร(จารึก-เขียน)ลงในใบลานเป็นภาษาลาว และได้รับการถ่ายทอดเป็นภาษาไทย พิมพ์เป็นเล่ม โดย ดร.ปรีชา พิณทอง  ได้เอ่ยถึงดงอู่ผึ้งว้าว่า

            “เผิ้งและมิ้มมีแท้สู่หง่ายาง

             นั่นแสดงว่าดงนี้มีต้นยาง(ยางนา)มากมาย และทุกคาคบ(หง่า)หรือตามกิ่งของต้นยางก็มีรวงผึ้ง และมิ้มทุก ๆ กิ่ง

             เป็นที่มาของชื่อ “ดงอู่ผึ้ง” ด้วย


             คุณพ่อ บำเพ็ญ ณ อุบล นักปราชญ์เมืองอุบล-ยโสธรผู้สืบทอดสายตรงจากท้าวคำผงได้อธิบายไว้ครั้งหนึ่งในการเสวนาทางวิชาการที่ราชภัฏอุบลราชธานีว่า  ดงอู่ผึ้งที่ยังเหลืออยู่มาถึงยุคท่านยังเป็นเด็กนั้นคือบริเวณที่ตั้งห้องสมุดประชาชนในปัจจุบัน 

             การปกครองของอุบลราชธานีครั้งแรกยังคงเป็นแบบจารีตล้านช้าง คือ มีตำแหน่งสูงสุด ๔ ตำแหน่ง เรียกว่า อาชญาสี่ อันประกอบด้วย เจ้าเมือง  อุปฮาด(อุปราช)  ราชบุตร  และราชวงศ์  โดยมีเจ้าเมืององค์แรกคือพระปทุมสุรราช  และได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากกรุงเทพฯ เป็นพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ในปีต่อ ๆ มา

 

             ดงอู่ผึ้งเป็นดงหนาป่าทึบอุดมสมบูรณ์ ณ ริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำมูลที่ไหลจากตะวันตกสู่ตะวันออก  จากนครราชสีมาที่มาขอพึ่งบารมีสู่นครจำปาศักดิ์ที่เพิ่งจากมา  จากเทือกเขาใหญ่ทางตะวันตก  ไหลคดโค้งลงตะวันออกไปบรรจบแม่น้ำโขง ณ รอยต่อแห่งเทือกพนมดงเร็กกับเทือกภูพาน  จากสภาพภูมิศาสตร์เช่นนี้ดงอู่ผึ้งที่กลายเป็นอุบลราชธานีศรีวนาไลยประเทศราชจึงเป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างนครราชสีมา(ขึ้นต่อกรุงธนบุรี  กระทั่งกรุงเทพฯ)กับนครจำปาศักดิ์และหัวเมืองลาวทั้งปวง

 

             เป็นจารีตของการตั้งบ้านแปงเมืองที่สืบทอดมาแต่ปู่ย่าตายาย  แม้เป็นเพียงชุมชนเล็ก ๆ ที่พากันไปบุกเบิกทำไร่นา หากลงหลักปักฐานได้มั่นคงมีที่ทำกินถาวรให้เฮ็ดไฮ่เฮ็ดนาเฮ็ดสวนได้แล้วก็จะมีการสร้างวัดในหมู่บ้านเพื่อเป็นที่รวมศูนย์จิตใจ  และกำหนดดงทางทิศตะวันออกเป็นดงปู่ตา  ซึ่งเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณบรรพชน  ส่วนดงทางทิศตะวันตกกำหนดไว้เป็นป่าช้า  ที่ฝังหรือเผาศพผู้ล่วงลับ


             เคหาสถาน บ้านเรือน หอ โฮง ต่าง ๆ อันเป็นที่อยู่อาศัยถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วและแบ่งกันอยู่เป็นกลุ่ม(เรียกคุ้ม หรือ จุ้ม ) เช่น คุ้มโฮงหลวง  คุ้มโฮงกลาง  ฯลฯ แล้วการสร้างวัดก็ตามมา 

             สำหรับการสร้างวัดนั้นในชุมชนเดิมอีสานแรกสร้างอาจมีเพียงวิหาร  ศาลา  กุฏิหลังเล็กๆ หมู่บ้านละแห่งก่อน หากหมู่บ้านขยายใหญ่โตขึ้น ชุมชนหนาแน่นขึ้นมักมีวัดเพิ่มขึ้น เช่น มักมีชื่อวัดเหนือ  วัดใต้  วัดกลาง  ปรากฏในนิทานพื้นบ้าน  หรือตำนานท้องถิ่นประกอบเสมอ

             ชาวดงอู่ผึ้ง ห้วยแจระแมยิ่งให้ความสำคัญของการสร้างวัดเพราะในขบวนที่เคลื่อนย้ายยกกันมามีทั้งลูกหลานว่านเครือ ไพร่พล พระสงฆ์องค์เจ้า อาชญาสี่ ท้าวเพี้ยท้าวซา  กรรมการน้อยใหญ่ครบ ช่างก่อสร้างสกุลล้านช้างจึงได้แสดงฝีมือ

 

              วัดแรกที่สร้างขึ้นของชาวดงอู่ผึ้ง  คือวัดหลวง  ในคุ้มหลวง  ซึ่งเป็นคุ้มเจ้าเมือง   เพราะลูกหลานว่านเครือทั้งมวลทั้งหลายต่างเรียกเจ้าเมืองผู้นำที่รักของตนว่า  เจ้าองค์หลวง  หรือ เจ้าหลวงเฒ่า  และเรียกวัดนี้ว่า  วัดหลวง


              คำว่า “หลวง” ในความหมายท้องถิ่นแต่เดิมมาหมายถึง  ใหญ่มาก , มากมายหรือ  เป็นส่วนรวม  เป็นสาธารณะ  สมัยเป็นเด็กผู้เขียนอยู่บ้านผับแล้ง อำเภอสำโรง  เคยไปเยี่ยมๆมองๆลูกมะม่วงต้นหนึ่งซึ่งยืนต้นสง่างามอยู่กลางถนน  เพื่อคอยดูว่าลูกของมันโตพอกินได้หรือยัง  ต้องไปบ่อย ๆ ไม่งั้นไม่เหลือ  เพราะใคร ๆ ต่างมาจ้องจะสอยเอาลูกมันมากินแบบสบาย ๆ   เหตุเพราะมันเป็น  “ของหลวง”  ไม่มีใครเป็นเจ้าของ  ใครใคร่สอยก็สอยไปกินได้


            วัดหลวงตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูลฝั่งซ้าย  ระหว่างท่าจวน(บริเวณตลาดใหญ่) กับท่ากวางตุ้ง บนเนื้อที่ประมาณ ๘ ไร่ สร้างเมื่อปี ๒๓๒๔  โดยช่างเวียงจันทน์ที่อพยพโยกย้ายมาด้วยกัน  โบสถ์หลังแรก(สิม)เป็นอาคารศิลปะล้านช้าง  เล่ากันว่าสวยงามมากดูคล้ายที่วัดเชียงทอง หลวงพระบางเลย แต่น่าเสียดายที่ถูกรื้อไปแล้ว  และสร้างขึ้นใหม่ทดแทนไปแล้ว  แต่สิ่งที่เป็นร่องรอยให้ระลึกถึงเจ้าเมืององค์แรกของอุบลราชธานี คือ    

            พระพุทธรูปนาม  พระเจ้าใหญ่องค์หลวง  ประดิษฐานในวิหารพระเจ้าใหญ่องค์หลวง(ศาลาการเปรียญ)  เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดหน้าตักกว้าง ๓ เมตร สร้างปีเดียวกับการสร้างวัดเพื่อเป็นพระประธาน   นับเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองอุบลราชธานีมีอายุเก่าแก่พอ ๆ กับเมืองอุบลฯ

           วันที่ ๙-๑๐ เดือนพฤศจิกายนของทุกปีลูกหลานชาวอุบลราชธานีทุกหมู่เหล่าทั้งทางราชการและเอกชนได้ร่วมใจกันจัดงานพิธีบวงสรวงและสดุดีวีรกรรมพระประทุมวรราชสุริยวงศ์(เจ้าคำผง)หน้าอนุสาวรีย์พระประทุมวรราชสุริยวงศ์(เจ้าคำผง)ในบริเวณทุ่งศรีเมืองเพื่อแสดงความกตัญญูระลึกถึงวีรกรรมของท่าน

            ในวัดหลวงเองก็มีรูปหล่อของท่านไว้เพื่อเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองเช่นกัน

๐๐๐

       

 

           

               

   

           

 

 

 

Tags : ท่องอุบลแบบคนอุบล5

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view