ดอกไม้เทศและดอกไม้ไทย
ต้น 33.บาหยา
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ชื่อสามัญ ย่าหยา บุษบาฮาวาย ผักกูดเน่า Indian asystasia, Creeping foxglove, Chinese violet, coromandel, Ganges primrose, Philippine violet
ชื่อวิทยาศาสตร์ Asystasia gangetica (L.) T.Anderson
ชื่อวงศ์ ACANTHACEAE
ถิ่นกำเนิดและการกระจายพันธุ์
ในต่างประเทศ พบที่ อินเดีย ศรีลังกา มาเลย์-เพนนินซูลา และอัฟริกา
ในประเทศไทย พบว่ากระจายพันธุ์ไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในที่ชุ่มชื้น
ลักษณะประจำพันธุ์
ต้น เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 20-80 ซม. ต้นเลื้อยลู่ไปตามดินมีส่วนยอดตั้งขึ้น ต้นสีน้ำตาลแดง มีขนสีขาวสั้นๆทุกส่วน เจริญเติบโตรวดเร็ว เหมือนอวบน้ำ
ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้าม รูปไข่หรือรูปหัวใจ ขอบใบเรียบ ปลายแหลม โคนใบรูปหัวใจ กว้าง 2-3 ซม. ยาว 3-6 ซม. เส้นแขนงใบเรียงสลับ ข้างละ 6 เส้น ปลายเส้นจรดเส้นถัดไป เส้นแขนงใบย่อยเป็นแบบร่างแห
ดอก เป็นช่อกระจะยาว 20-25 ซม. ดอกย่อยออกเวียนสลับ กลีบรองดอกสีเขียว 5 แฉก ปลายแหลม กลีบดอก 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกันรูประฆัง กลีบดอกมีหลายสี ตั้งแต่สีม่วงอ่อน สีขาว สีเหลืองนวล สีชมพูอ่อน เป็นดอกสมบูรณ์เพศ เกสรผู้ 4 อัน สั้น 2 ยาว 2 ออกดอกตลอดปี
ผล แห้ง แตก เมล็ดขนาดเล็กสีน้ำตาลดำ ตั้งแต่ปลูกจนถึงออกดอกติดผลราวๆ 6 สัปดาห์
สภาพพื้นที่เหมาะสมและการขยายพันธุ์ ดินร่วนปนทราย ค่า ph 3.5-4.5 ชอบดินดีน้ำชุ่ม แสงแดดครึ่ง-เต็มวัน อุณหภูมิ 25-38 องศาเซลเซียส ที่ราบ-สูง 2,500 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
บันทึกผู้เขียนและผู้ถ่าย
ผมถ่ายรูปดอกบาหยาจากแหล่งต่างๆที่นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ดอกดก ออกดอกตลอดปี มีโอกาสถ่ายสูง และแทบไม่น่าเชื่อว่า เป็นดอกไม้ที่ถ่ายรูปให้สวยได้ง่ายๆ
1. ปลูกเป็นไม้ประดับ นิยมปลูกลงแปลง ต้นเลื้อยไปตามดินจึงไม่นิยมปลูกลงกระถา
2. ปลูกเป็นพืชสมุนไพร สรรพคุณ ใบและดอก แก้พิษงู ผงราก แก้ปวดท้อง แก้พิษงู
3. ปลูกเป็นพืชอาหาร ใบและยอดอ่อนกินได้ แกล้มเป็นผักสดหรือแกงอ่อม หรือแกงเลียง ผลผลิตใต้ร่มเงา 2-5 ตัน/เฮกแตร์ กลางแจ้ง 3.5-8 ตัน/เฮกแตร์
โดยมีคุณค่าสารอาหาร ต่อ