ดอกไม้เทศและดอกไม้ไทย
ต้น84.ตาเสือ
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ดอกตาเสือ
ชื่อสามัญ Coreopsis, Plains Tickseed
ชื่อวิทยาศาสตร์ Coreopsis tinctoria Nutt.
ชื่อวงศ์ ASTERACEAE
ถิ่นกำเนิดและการกระจายพันธุ์
ในต่างประเทศ พบที่ทวีปอเมริกาเหนือ ทางตอนกลางและตะวันออกของสหรัฐอเมริกา
ในประเทศไทย พบปลูกประดับตามรีสอร์ท สวนสาธารณะ และขายทั่วไป
การกระจายพันธุ์ พบว่ากระจายพันธุ์ไปทั่วโลกในเขตอากาศหนาวเย็น อบอุ่นจนถึงเขตร้อน
สถานภาพ เป็นไม้ดอกล้มลุกอายุสั้น เป็นพืชต่างถิ่นกำเนิด นำเข้ามาปลูกประดับ
ลักษณะประจำพันธ์
ต้น เป็นไม้พุ่ม สูง 0.30-1.20 เมตร ซึ่ง มีทั้งพันธุ์ต้นเตี้ยและต้นสูง ขณะที่ต้นยังไม่ออกดอก ทรงพุ่มต้นจะเตี้ย ข้อปล้องแน่น ใบห้อยจนเรี่ยผิวดิน
ใบ ใบรูปแถบแกมใบหอก ขอบใบเรียบหรือหยักเว้าลึกแบบขนนก 1-2 ชั้น
ดอก เมื่อถึงหน้าร้อน (ช่วงวันยาว) จะกระตุ้นการออกดอก ต้นจะแทงก้านดอกชูช่อยาวเรียวเล็กออกมา ดอกชั้นเดียวหรือกึ่งซ้อน ขนาด 3-
ผล เมล็ดมี 2 ปีก คล้ายแมลง เปลือกหุ้มเมล็ดแข็งและหนา เมล็ดขนาดใหญ่ 420 เมล็ด/กรัม
พื้นที่เหมาะสมและการขยายพันธุ์ ชอบแสงแดดจัด ปลูกกลางแจ้ง ดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี ทนดินด่างได้ดี การขยายพันธุ์ นิยมเพาะเมล็ด โดยไม่กลบเมล็ด วางภาชนะเพาะในที่มีแสง เมล็ดงอกภายใน 9-12 วัน ย้ายปลูกอายุ 20-25 วัน ตั้งแต่หว่านเมล็ดลงแปลงเพาะจนออกดอก ราวๆ 45-60 วัน
บันทึกผู้เขียนและผู้ถ่าย
ผมถ่ายดอกตาเสือจากสวนสาธารณะในกรุงเทพ สวนหลวง ร.9 เป็นไม้ประดับที่ให้ดอกดก สว่างไสว และเร้าใจที่ชวนชม จดจำได้ง่าย
1.ปลูกเป็นไม้ประดับ ทั้งลงกระถางและลงแปลง
2.ปลูกเป็นพืชสมุนไพร ราก ทำชาจะทำให้อาเจียน รักษาโรคอุจจาระร่วง ทั้งต้นยกเว้นรากใช้ในผู้หญิงที่ปรารถนาจะมีบุตรเป็นหญิง
3.ปลูกเป็นพืชอาหาร ตาเสือทั้งต้นตากแห้งใช้ชงเป็นชา ดื่มแทนกาแฟได้