ดอกไม้เทศและดอกไม้ไทย
ต้น87.แนสเตอร์เตียม
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ชื่อสามัญ Nasturtium, Indian Cress
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tropaeolum majus L.
ชื่อวงศ์ TROPAEOLACEAE
ต้นแนสเตอร์เดียม
ถิ่นกำเนิดและการกระจายพันธุ์
ในต่างประเทศ พบที่ประเทศเม็กซิโกตอนใต้ เปรู โคลัมเบีย จนถึงโบลิเวีย
ในประเทศไทย พบนำเข้ามาปลูกประดับบนที่สูง เช่นดอยอ่างขาง ดอยตุง
การกระจายพันธุ์ ไปทั่วทุกภาคส่วนที่มีอากาศหนาวเย็น ที่สูง
สถานภาพ ไม้ดอกอายุสั้น เป็นพันธุ์พืชต่างถิ่นกำเนิด นำเข้ามาปลูกประดับบนพื้นที่อากาศเย็น
ลักษณะประจำพันธ์
ต้น เป็นพุ่มสูง 0.20-1 เมตร เจริญเติบโตเร็วและแข็งแรง มีทั้งชนิดพุ่มและชนิดเลื้อย
ใบ ใบเดี่ยวรูปหลายเหลี่ยมค่อนข้างกลม ขนาด 3-5 เซนติเมตร เส้นใบเป็นรัศมีออกจากกลางใบ ก้นใบปิด (คล้ายใบบัวหลวงขนาดเล็ก) ขอบบิดเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบสีเขียวหรือเขียวด่างขาว
ดอก ออกตามซอกใบมีทั้งดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน 5 กลีบ โคนกลีบคอดเล็กและมีรยางค์เส้นเล็ก ๆ กลีบดอกบนมีเดือยยาว ภายในมีน้ำหวานเพื่อล่อแมลง กลีบดอกมีสีขาว ครีม ชมพู เหลือง ส้ม และแดง ก้านดอกยาว 10-15 เซนติเมตร ดอกมีกลิ่นหอม
ฝัก รูปกลม มี 3 พู เมล็ด ขนาดใหญ่ 7-9 เมล็ด/กรัม เมล็ดพันธุ์มีทั้งผิวเรียบและผิวย่น
สภาพที่เหมาะสมและการขยายพันธุ์ นาสเตอร์เดียวชอบแสงแดดเต็มวัน อากาศเย็น มีบางพันธุ์ทนร้อนได้ ดินร่วนปนทราย ไม่ควรสมบูรณ์มากนัก เพราะจะทำให้ใบดก แต่ออกดอกน้อย รดน้ำเมื่อหน้าดินแห้ง ชนิดเลื้อยชอบน้ำมากกว่าชนิดพุ่ม การปลูกเมล็ดลงในกระถางได้เลยโดยไม่ต้องผ่านการย้ายกล้า เพราะต้นกล้าบอบช้ำง่าย หรือเพาะเมล็ดโดยกลบเมล็ดบาง ๆ วางภาชนะเพาะในที่มีแสงแดดจัดจ้า เมล็ดงอกภายใน 10-14 วัน เวลาเพาะเมล็ดจนถึงออกดอกราว 70 วัน
บันทึกผู้เขียนและผู้ถ่าย
ผมถ่ายรูปนาสเตอร์เดียวจากดอยอ่างขางซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางกว่า 1600 เมตร ภูมิอากาศหนาวเย็น ลำต้นอ่อนไหว ใบและดอกเด่น
1.ปลูกเป็นไม้ประดับ นิยมปลูกประดับแบบลงกระถางตั้งและลงกระถางแขวน
2.ปลูกเป็นพืชอาหาร ดอกตุมดองกิน ดอกบานและใบรสเผ็ดใส่ในสลัดผัก ในดอกยังมีน้ำมันมัสตาร์ดอีกด้วย มีวิตามินและเหล็กสูง ส่วนเมล็ดมีสารปฏิชีวนะ
3.ปลูกเป็นพืชสมุนไพร
ดอก สามารถฆ่าเชื้อ รักษาแผล ขับเสมหะ รักษาโรคปอดและช่วยย่อยอาหาร
ทั้งต้น ใช้สำหรับฆ่าเชื้อ ขับเสมหะ ทำให้จมูกโล่ง สารสกัดใช้ทาแทนยาฆ่าเชื้อ น้ำคั้นจากต้นและใบ ดื่มแก้วัณโรคที่ต่อมน้ำเหลือง
เมล็ด ขับพยาธิ