ดอกไม้เทศและดอกไม้ไทย ต้น 123 ไฟเดือนห้า
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ชื่อสามัญ ค่าน้ำ เด็งจ้อน คำแค่ ดอกไม้เมืองจีน ไม้เมืองจีน เทียนแดง เทียนใต้ บัวลาแดง พอตอซู พอสู่เหนาะ ไม้จีน Bastard ipecacuanha, Blood flower, Milk weed Butterfly Weed,เหลียนเชิงกุ้ยจื่อฮวา จิงเฟิ่งฮวา
ชื่อวิทยาศาสตร์ Asclepias curassavica Linn.
ชื่อวงศ์ APOCYNACEAE
ถิ่นกำเนิดและการกระจายพันธุ์
ในต่างประเทศ พบในทวีปอเมริกาเขตร้อน
ในประเทศไทย นำเข้ามาปลูกประดับทั่วไป ราวกับเป็นวัชพืช
การกระจายพันธุ์ สามารถกระจายพันธุ์ได้ทั่วไปในเขตร้อน
สถานภาพ เป็นพืชต่างถิ่นกำเนิด นำเข้ามาปลูกประดับ ไม่ควรนำไปปลูกประดับในป่าอนุรักษ์
ลักษณะประจำพันธุ์
ต้น เป็นไม้ล้มลุกอายุ 2 ปี ทุกส่วนหักหรือฉีกมีน้ำนมสีขาว สูง 40-60 ซม.
ใบ เดี่ยว เรียงตรงข้าม สีเขียวสด รูปใบหอก โคนใบแหลม ปลายใบแหลม เส้นแขนงใบเรียงสลับ ขอบใบเรียบ ปลายเส้นไม่จรดขอบใบ ใบกว้าง 1-3.5 ซม. ยาว 7-13 ซม.ก้านใบยาว 0.8 มม.
ดอก ออกตามซอกใบปลายกิ่ง เป็นดอกช่อ ก้านดอกสีเขียวนวลยาว 3-4 ซม. ก้านช่อดอกย่อย 6-20 ก้าน มีขนนุ่มสั้นๆ ยาว 1.5-2 ซม. กลีบดอก 5 กลีบ รูปรีปลายกลีบมน กลีบดอกสีส้มอมแดงพับงอ กลีบเลี้ยงเรียวแหลมสีเขียวนวล เกสรผู้มีสีเหลือง 4 อันล้อมเกสรเมียตรงกลาง กลุ่มเกสรสีเหลืองชูเหนือกลีบดอกโดดเด่น
ผล รูปกระสวยยาว แห้งแตก เมล็ดรูปไข่ ยาว สีน้ำตาล
สภาพที่เหมาะสมและการขยายพันธุ์
ดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี ค่าความเป็นกรดด่างปานกลาง นิยมเพาะกล้าจากเมล็ด
บันทึกผู้เขียนและผู้ถ่าย
ผมถ่ายรูปไฟเดือนห้าได้ง่ายๆตามริมทางและแปลงดอกไม้ประดับเก่าๆ เพราะสีสันของช่อดอกสดสวยเตะตา แต่เมื่อค้นคว้าหาความรู้เรื่องต้นไฟเดือนห้าพบว่า เป็นไม้ดอกสวยที่มีคุณประโยชน์ทางสมุนไพรมากมายหลายประการ ดังนี้คือ
1.เป็นพืชสมุนไพร สรรพคุณ ดังนี้
ต้น โรคหัวใจอ่อน บำรุงธาตุ บำรุงไฟธาตุ ขับประจำเดือน แก้เลือดทำพิษในเรือนไฟ (การติดเชื้อที่มดลูกหลังคลอด) ไข้ตัวเย็นหมดสติ ไข้ตรีโทษ (อาการไข้ กระหายน้ำ ปวดเมื่อย เหงื่อออกมาก ซึม เบื่ออาหาร บางครั้งอาเจียนเป็นสีเหลือง ปนเลือด)
ใบ ฆ่าเชื้อโรคเรื้อน แก้พิษฝี ขับพยาธิไส้เดือน
ราก รักษาอาการฟกช้ำจากการหกล้ม
ยาง สีขาวเป็นพิษมีหลายชนิด เช่น สารพิษ คาร์ดิโนลายด์ (cardenolides)
ซึ่งเป็นสเตียรอยด์ที่ออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ ซึ่งทำให้หัวใจสัตว์ทดลองเต้นแรงขึ้น แต่พบว่าสารกลุ่มนี้ฆ่าเซลล์มะเร็งในหลอดทดลองได้ เป็นทางเลือกใหม่ในการวิจัยต่อไป
ใบสด เกลือ น้ำมันพืช ขนมปัง ตำแล้วพอกรักษาโรคผิวหนังเช่น หูด ตาปลา แผลเน่าเปื่อย เพราะในยางมีเอนไซม์ย่อยโปรตีนที่ชื่อ ซีสเตอีน โปรทีเอส (cysteine proteases) ทำให้เลือดหยุดและแผลเปื่อยหายเร็วขึ้น นอกจากนี้พบว่าสามารถต้านการเจริญของเชื้อรา เช่น เชื้อกลากเกลื้อน และแคนดิดา (Candida albicans)
ราก มีสารประกอบชื่อแอสเคลบพิเอดิน (asclepiadin) ที่ทำให้อาเจียน และเป็นยาถ่าย มีประโยชน์เวลาที่ต้องการอาเจียน เพราะกินสารพิษเข้าไป และต้องการขับออก
2.เป็นพืชอาหาร ชาวอินเดียนใช้ ยอดอ่อน ใบ และลำต้นอ่อน ๆ ต้มน้ำ เอารสขมทิ้งไป เพื่อใช้บริโภค อาการพิษจะเกิดขึ้นหากบริโภคจำนวนมากเกินไป หรือปรุงอาหารผิดวิธี เช่นไม่ทิ้งน้ำที่ต้มยอดไฟเดือนห้า แล้วนำไปใช้ปรุงอาหารต่อ เป็นต้น
อาการพิษมีอาการปวดท้อง มีไข้ หายใจลำบาก ม่านตาขยาย และกล้ามเนื้อเกร็ง อาจทำให้ตายได้