http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 08/05/2024
สถิติผู้เข้าชม14,061,604
Page Views16,372,733
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

หลบร้อนไปนอนริมทุ่งนาขั้นบันได ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ :village stay at high 945 msl. Doiinthanon,chiangmai.

หลบร้อนไปนอนริมทุ่งนาขั้นบันได  ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ :village stay at high 945 msl. Doiinthanon,chiangmai.

 

                    หลบร้อนไปนอนริมทุ่งนาขั้นบันได บ้านแม่กลางหลวง
                                          ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่

                                                                                               ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

             บ้าบอคอแตกไปเลยเมื่อฟังว่า อย่าไปเลยเชียงใหม่ มีแต่หมอกและควันไฟป่า ดีนะว่าข้าพเจ้าดื้อด้านไปหน่อยก็เลยตามหลวงพี่ชายกลาง อภิญาโน วัดพระรามเก้า ไปท่องแดนแผ่นดินธรรม ณ ที่พักสงฆ์ปะเกอญาราม ดอยอินทนนท์ ซึ่งมี พระบดินทร์ สีลสังข์วโร ธรรมยุตนิกาย สายหลวงปู่มั่น ปฏิบัติธรรมและโปรดสัตว์อยู่ในหมู่บ้านปะกาเกอญอ บ้านแม่กลางหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่  
             จึงได้พิสูจน์ทราบว่า ไม่จริงเลยครับ ที่นั้น สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 945 เมตร อากาศเย็นสบายหายใจสะดวก มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ม่วนซื่นแต้ๆเจ้า (สนุกจริงๆค่ะ)


              บ้านดั้งเดิมมุงด้วยใบตองตึง(ต้นพลวง)                                                   หมู..ผูกไว้ทุกบ้าน

              จากเชียงใหม่รถตู้วิ่งไปตามถนนขนาด 4 เลน ผ่านอำเภอหางดงไปยังอำเภอสันป่าตอง เห็นทุ่งข้าวสีทองผ่องอำไพไปตลอดทาง สลับกับขุนเขาใหญ่น้อย พอเข้าถึงทางแยกไปดอยอินทนนท์ ป้ายบอกทางว่าเลี้ยวขวาอีก 47 กม.ถึงยอดดอยอินทนนท์ เป็นทางลาดยางอย่างดี ไต่ระดับไปตามความสูงของขุนเขา แต่พอถึง กม.26-27 มีทางแยกซ้ายมือ บอกว่าเข้าหมู่บ้านแม่กลางหลวง ถนนลงเขาชันนิดหน่อย แต่เมื่อเข้าถึงหมู่บ้านอันเป็นที่พักแรมทางของคนชอบบรรยากาศท้องทุ่งริมนาขั้นบันได เรียบง่ายแต่สะอาด ระดับความสูงจากน้ำทะเลปานกลาง 945 เมตร เย็นสบาย ไร้มลพิษ มีลำห้วยเลียบอยู่ข้างๆบ้านพัก โว๊วๆๆ


 
                         ตักบาตร ทำบุญได้ทุกเช้า                                                     แม่บ้านกับลูกชาย

              ติดต่อคุณพงษ์ศักดิ์  วนาลัยนิเทศน์ โทร.089-9520983 ชื่อเล่นทั่วไปว่า อุ่น ตำแหน่งผู้จัดการบ้านพักปะกาเกอญอ และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เข้าพักที่กระท่อมริมทุ่งนาขั้นบันได และมีห้วยน้ำไหลตลอดปีพาดผ่าน ปลาตัวโตๆที่เรียกว่าปลาพลวงว่ายเล่นเห็นจะจะ อุณหภูมิขณะนั้นใกล้ค่ำอยู่ที่ 26.5 องศาเซลเซียส และเริ่มเย็นลงๆ เมื่อผ่านตะวันตกดิน "บ้านพักแรมทางแห่งนี้เกิดจากการรวมตัวกันของชุมชน กำไรก็แบ่งปันกันตามหุ้น" อุ่นเล่าให้ฟังคร่าวๆ

 
                             สองแบบให้เลือก                                                                  อุ่น  ผู้จัดการ

              บ้านพักมีหลายรูปแบบ เป็นอาคารตึกพื้นไม้ก็มี 2 หลัง รูปเอเฟรม อีกหลายหลังเป็นกระท่อมไม้ไผ่มุงหลังคาด้วยหญ้าคา พื้นไม้ยกสูง 0.5-0.8 เมตร มีระเบียงให้นั่งเลนนอนเล่นหน้าบ้าน เป็นลานกินอาหารและนั่งพูดคุยกันสบายๆ ห้องนอนปูด้วยฟูกหนากว่า 6 นิ้ว ผ้าปู ปลอกหมอน ผ้าห่ม สะอาดเอี่ยม ห้องน้ำสุขาอยู่ในตัว มีน้ำร้อนช่วยให้อาบน้ำสบายมากยิ่งขึ้น เพราะว่าน้ำเย็นเฉียบ

                     
                                                           บ้านพักแรม....ที่พวกเราพักค้าง 

              ปากทางเข้ามีร้านอาหารให้หากินได้แบบตามสั่งและข้าวแกงอยู่ 2 ร้าน มีมินิมาร์ทเล็กๆที่ไม่ใช่ เซเว่น เปิดขายของใช้และเครื่องดื่ม สั่งอาหารมานั่งกินที่ระเบียงหน้าบ้านพักก็ได้ สนนราคาปกติไม่แพง ไม่ขูดรีด ไม่ใช้ทีเผลอโก่งราคาเหมือนแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป ดูเหมือนว่า จะยืนราคาส้มน้ำสมเนื้อมาตลอด อยากให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักแรมมากๆ กลับไปแล้วก็อยากให้กลับมาอีก 

 
                             ทอผ้าใช้กันเอง                                                          ฉางข้าวและครกกระเดื่อง..ตำข้าว

               บนนาขั้นบันไดที่เหลือแต่ตอซังสีเหลือง นาขั้นบันไดช่วงบ้านแม่กลางหลวงนี่ลงสื่อสิ่งพิมพ์และทีวีมากมายหลายครั้ง ด้วยว่าอยู่ริมทางไปอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์  อุ่นเล่าว่า ทำนาครั้งเดียว ผมทำ 2 ไร่ กินทั้งปียังไม่หมด  ต่อข้อถามว่า ทำไมไม่ทำสองครั้งทั้งๆที่น้ำก็ดีมีตลอดปี อุ่นตอบว่า ทำกินแค่พอเพียง ผมถามอีกว่า ข้าวปะกาเกอญอกินอร่อยมาก นิ่ม หอม น่าจะทำ 2 ครั้ง เหลือจะได้เก็บไว้ขายให้กับคนเมืองที่ชอบกิน เขากลับตอบว่า ไม่ทำ ปลูกดอกไม้และสตรอเบอรี่เพิ่มเอา
 
                  
                                                                 นาขั้นบันได.......ไร่นาปะกาเกอญอ

              เรื่องไร่หมุนเวียน ผมถามว่ายังมีอยู่อีกมากรายไหม เขาตอบว่า เดี๋ยวนี้ มีนาขั้นบันไดปลูกข้าว ปลูกดอกไม้ และพืชผล มีรายได้พออยู่พอกินแล้ว ไร่หมุนเวียนน้อยมาก ส่วนพื้นที่ป่าเบิกใหม่ก็ไม่ทำ ด้วยว่าตกลงกับอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์แล้ว ดูเหมือนว่า ปะกาเกอญอบ้านแม่กลางหลวงนิยม คำพูดคือสัจจะ  มากกว่า นายกมาร์ค มากเลย 

                  
                                                          เดือนมีนาคมที่ยังเย็นเยียบ  แต่สบายๆ

              หลังอาหารค่ำแบบสบายๆ นั่งเสวนากันที่ระเบียงหน้าบ้านพัก  ลมเย็นพัดเอื่อยๆ อุณหภูมิลดลงๆเรื่อยๆ จนเหลือ 20-19-18.2 c เพื่อนร่วมเดินทางเข้าห้องนอนฟังเสียงน้ำไหลในห้วย และเสียงนกกลางคืนส่งเสียงเพรียกหากัน  แมลงกลางคืนกรีดปีกให้เป็นอีกส่วนหนึ่งของดนตรีราตรีกาล 
               แต่ผมคนเฒ่าเจ้าโรแมนติกเดินออกไปในนาข้าว แล้วมองกลับไปที่กระท่อมพักแรม เก็บความรู้สึกและภาพที่เห็น มันช่างงามเหลือแสน

             
                                                                ยามเช้า.......พี่ก็เฝ้าคิดถึงน้อง

               รุ่งอรุณเบิกฟ้า อากาศเย็นมาก ผมต้องหาเสื้อยืดใส่สักตัว โชคดีที่ผมมีเสื้อสีแดง ความจริงวันนี้ ติดมาด้วย 1 ตัว ผมเดินออกไปถ่ายรูปทุ่งนาขั้นบันไดกับกระท่อมที่พักแรมยามเมื่อแสงสีทองเช้าๆ ได้อีกบรรยากศหนึ่ง ผมเห็นนกโถ่บิเบสีแดงเพลิง(นกพญาไฟตัวผู้) เกาะต้นไม้ริมห้วย  ผมพยายามถ่ายรูปไว้ แต่ได้ภาพไม่ดีนัก ผมพร่ำว่า เราพวกเดียวกันนะ สีแดงเหมือนกันนะ ผมกดชัตเตอร์อีกหลายครั้ง นกโถ่บิเบแอ็คท่าให้ถ่ายซะหลายรูป ว่าเข้านั่น 
 
                              ตักบาตรทำบุญทุกเช้า                                                     โถ่บิเบ  นกพญาไฟตัวผู้

 
                       กระท่อมเจ้าเงาะหรือนี่                                                    ริมทุ่งชายเขา .......แสงเงาสวยๆ

                ทุกคนตื่นนอนและเดินออกไปรับอากาศบริสุทธิ์ปราศจากควันไฟ เมื่อเก็บเกี่ยวบรรยากาศยามเช้าเข้าที่เรียบร้อย อุ่น มานำขบวนเพื่อไปเดินบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 3 กม. คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 ชม. รถยนต์นำคณะไปไปปล่อยให้พวกเราลงที่ปากทางเข้าเส้นทางบนถนนสายจอมทอง-ดอยอินทนนท์ กม.30 แล้วคณะเดินทางที่ประกอบไปด้วยคนแก่คือผม พระชายกลาง ครอบครัวคุณจำลอง บุญสอง 4 ชีวิต รวมกันทั้งคณะ 11 คนทั้ง อุ่นและคนนำทาง 

        
                                                                        ดอกไม้รายได้เสริม


        ทางเดินเล็กๆ เลาะเลียบไปตามไหล่เขาและหุบห้วย ผ่านแมกไม้ใบบังหลากหลายชนิด อุ่นเล่าว่า ต้นไหนใช้เป็นยาพื้นบ้านรักษาโรคอะไร แต่ไม้เลื้อยบางต้นกินแล้วตาย ก็ได้ความรู้เพิ่มสีสันการท่องเที่ยว มีไม้แปลกๆหลายชนิดเช่น ตองสัก พืชจำพวกต้นคล้า อยู่ตามที่ชื้นริมร่องน้ำ ห้วย ต้นค่าหดกำลังออกดอก กลีบดอกสีเขียวห้อยระย้า ดูแปลกตา 
               ป่าสนสามใบขึ้นกระจายทั่วไป แทรกแซมไปทุกหย่อมเขา เป็นพืชหลักของป่าสนเขา บนที่สูงเกินกว่า 900 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 


                         
                                                                   เด็กน้อยจอมบ่น...อยากเล่นน้ำๆ 

               เสียงน้ำตกกระทบแผ่นหินดังแว่วมาแต่ไกล พอเดินเข้าไปอีกชั่วอึดใจก็เห็นน้ำตกที่ยังมีน้ำไหลพรั่งพรู นี่คือดัชนีชี้ว่า ป่าต้นน้ำยังอุดมสมบูรณ์ดีอยู่ น้ำตกนี้ชื่อว่า น้ำตกผาดอกเสี้ยว อุ่นเล่าว่า
              "รอบๆน้ำตกมีต้นเสี้ยวดอกขาวขึ้นอยู่ทั่วไป ช่วงปลายเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ต้นเสี้ยวดอกขาวจะปลิดใบทิ้งจนเกลี้ยงต้น แล้วออกดอกเต็มต้น ขาวโพลนไปทั่วครับ มีกลิ่นหอมอ่อนๆโชยมาด้วยนะครับ  น้ำตกแห่งนี้มีทั้งหมด 11 ชั้น ถ้าเป็นหน้าฝนน้ำจะแรงมากลงเล่นไม่ได้ แต่ช่วงหน้าร้อนน้ำไม่แรงลงเล่นน้ำได้"
               
                          
                                                                   ถะถั่งโถมโหมครืนๆๆ
 
                เด็กๆที่ร่วมทางอยากลงเล่นน้ำตก แต่ก็ติดด้วยเวลาและรายการที่รออยู่ ทำให้ได้ยินแต่เสียงบ่นพึม
                "โธ่เอ๋ย   มาถึงน้ำตกแล้ว ก็ไม่ได้ลงเล่นเลย  เอ้าๆ งั้นถ่ายรูป จะแอคชั่นนะ"
                เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดอกเสี้ยวถึงบ้านปะกาเกอญอ ยังมีสิ่งที่จะได้เห็นอีกมากมาย เช่น ภูมิปัญญาท้องถิ่นเรื่องเหมืองฝาย  เป็นเส้นทางน้ำไปสู่ไร่นาขั้นบันไดที่อยู่ต่ำกว่า  พวกเราเดินเลาะเลียบไปตามทางเล็กๆริมเขาชายป่า มองเห็นทุ่งนาขั้นบันไดมากมายหลายหย่อม 
                "ถ้าหน้าฝน ฤดูทำนาจะเขียวขจี สวยงามมาก  หรือถ้าเป็นช่วงข้าวตกรวงเหลืองอร่ามไปทั้งทุ่งก็สวย
งามมากเหมือนกัน" อุ่นเล่าต่อ

                                     
                                                               

                ชายป่าริมเขาที่พวกเราเดินไปถึง มีต้นกาแฟอาราบิก้าปลูกอยู่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ กำลังออกดอกขาวพราวไปทั้งกิ่งก้าน กลิ่นดอกกาแฟหอมอ่อนๆ ถึงท้ายหมู่บ้าน มีร้านกาแฟที่กำลังต้มหอมกรุ่น ถุงกาแฟและกระบวยชงตั้งอยู่บนเตาไฟ ไอสีขาวพวยพุ่งจากปากกา ถ้วยกาแฟเรียงอยู่ในถาด 
                "กาแฟเจ้า  กิ๋นฟรีเจ้า  ไผมาก็ฮื้อกิ๋นฟรีกู่คนละเจ้า"   
                "ปลูกไว้เอง เก็บเมล็ดกาแฟเอง คั่วเอง บ่ได้ลงทุนอะหยังเจ้า"
                "ผมกินหลายแก้วได้ไหม"
                "ยินดีเจ้า  เจ้าจะชงฮื้อนะเจ้า(ค่ะ)" 


              
                                                      เส้นทางศึกษาธรรมชาติสวยงามมาก

                ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วว่า บ้านปะกาเกอญอแม่กลางหลวงนี้ มีแต่คนใจดีมีน้ำใจไมตรี เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มสื่อว่า เป็นแม่บ้านที่แต่งงานแล้ว ส่วนจะเป็นหม้ายหรือเปล่าไม่รู้เขาดูตรงไหนกัน แล้วผมก็ลืมถาม อุ่น ไปเสียด้วย  แต่ก็ได้ความรู้ว่า ชุดสีขาวที่แม่หญิงหลายคนสวมใส่นั้นเป็นสาวโสดยังไม่มีครอบครัว ส่วนมีแฟนอยู่แล้วหรือไม่ก็ไม่ได้ถามอีก ชุดนี้เรียกว่า เชวา  ชาวปะกาเกอญอจะใส่ตั้งแต่เป็นเด็กๆ จนถึงวันสุดท้ายที่จะแต่งงาน ก็จะเปลี่ยนไปเป็นสีแดง สีน้ำเงิน สีทอง ฯลฯ 

 
                             แม่บ้านปะกาเกอญอ                                                       เชวา........ชุดเด็ก-สาวโสด  

                "ตะเก่า(เมื่อก่อน)  มีสีไม้ย้อมผ้าบ่(ไม่)กี่สี ก็มีแต่สีแดง สีดำเหีย (เสีย) ส่วนใหญ่ แต่วันนี้ มีสีย้อมหลายสี อย่างที่เจ้าใส่นี่สีน้ำเงินก็เป็นสีย้อมใหม่เจ้า" 
                "ส่วนนัก(มาก)ก็ยังทอผ้าไว้ใส่กั๋นเอง  มีแฮงก็ทอไว้ขายพ้อง(บ้าง) ติดราคาและชื่อคนทอไว้ตี้(ที่)ขอบเสื้อแล้วเอามาฝากสหกรณ์ขายฮื้อ(ให้)
                กินกาแฟจนพอแล้ว ก็เดินทางกลับสู่ที่พักแรมบ้านแม่กลางหลวง อาบน้ำเย็นเจี๊ยบอาบอย่างรวดเร็ว เพื่อเดินทางต่อไปยังจังหวัดเชียงใหม่ตามรายการท่องเที่ยวครั้งนี้  

                                                    

                 การเดินทางโดยรถประจำทาง เชียงใหม่-อำเภอจอมทอง  มีรถยนต์สี่ล้อเล็กจากจอมทองไปแม่แจ่ม ค่ารถโดยสาร 80 บาท ฤดูท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากก็ช่วงเดือน ตุลาคม-กุมภาพันธ์ แต่ความจริง ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไปก็มาพักค้างได้ตลอดปี เพียงแต่ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ก็ยังเย็นสบายๆ (18 องศาเซลเซียส) สำหรับผมแล้ว แม้ฤดูฝนคนกำลังทำนาก็ยังน่าเที่ยว 
                 ดนตรี การละเล่นพื้นบ้าน ร้องขอให้ศิลปินมาแสดงได้ สนนราคาตามสมควร ช่วงร้อนถึงฝนราคาก็ต่ำกว่าช่วงหนาว 500-3,000 บาท/หลัง
                หนีร้อนกรุงเทพไปนอนตากไอเย็นบนดอยแม่กลางหลวงกันดีกว่า คุ้มครับคุ้ม 
                 นอนที่นี่ เช้าไปเที่ยวบนดอยอินทนนท์ ไปเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติดอยอ่างกา จุดสูงสุดของประเทศไทย  แวะกินอาหารที่อุทยานแห่งชาติ ไปชมดอกไม้เมืองหนาวของชาวไร่ในโครงการหลวง ชมวิถีชีวิตชาวดอย  ถ่ายรูปและลงเล่นน้ำตก โอ้โฮ สงกรานต์ปีนี้ไปที่นี่ไม่เลวเชียว 
                 อย่าลืมจองที่พักล่วงหน้านะครับ  

              

               

Tags : Inbound: Doiinthanon Chiangmai Thailand

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view