สมาคมศิษย์เก่าสุทธาประมุข
ธงชัย เปาอินทร์
สมาคมศิษย์เก่าสุทธาประมุข เป็นหนึ่งในจำนวนหลายๆหมื่นสมาคมศิษย์เก่า ส่วนใหญ่หมุนเวียนตำแหน่งนายกสมาคมกันไปทีละรุ่นๆ ด้วยความสมานฉันท์
ปีนี้ 2553 เป็นห้วงช่วงเวลาที่ศิษย์เก่าโรงเรียนผักไห่สุทธาประมุข รุ่นปี07 ได้รับการคัดเลือกจากสมาชิกของสมาคม ได้แก่ นายปราโมช พันธุ์รัตน์
นายปราโมช เป็นใครกันหรือจึงได้รับการยอมรับ
เล่าสู่กันอ่านสักนิดนะครับว่า ปีพ.ศ.2459 โรงเรียนผักไห่สุทธาประมุข ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เปิดสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ประจำอำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยใช้วัดชีโพน ตำบลอมฤต เป็นที่ตั้ง ต่อมาปีพ.ศ.2461 ได้ย้ายมาเปิดการเรียนที่ศาลาการเปรียญวัดตึกคชหิรัญเป็นการชั่วคราววัดสองวัดนี้มีแม่น้ำน้อยกั้นกลาง
ลวดลายสลักไม้อาคารหลังเก่าซีกตะวันออก
ปีพ.ศ.2465 พระครูสุทธาจารวัตร (อ่ำ ปฏิรูปานนท์) เจ้าอาวาสวัดตึกคชหิรัญ ได้บอกบุญญาติโยมจนสามารถสร้างอาคารเรียนได้หลังหนึ่ง ทรงปั้นหยา ปลูกด้วยไม้สัก สลักลวดลายด้วยไม้อย่างงดงามประดับที่หน้าจั่วอาคาร เป็นอาคารหลังแรกที่ตั้งอยู่ในหนองน้ำหลังวัดตึก มีบัวหลวงขึ้นอยู่อย่างดกดื่น อาคารเรียนหลังนี้ปัจจุบันใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ของโรงเรียน ด้วยอาคารหลังนี้เองเป็นที่มาของชื่อโรงเรียน ผักไห่สุทธาประมุข เพื่อถวายเกียรติและระลึกถึงท่านพระครูอ่ำของชาวผักไห่
อาคารสุทธิประเสริฐ
ต่อมาโรงเรียนได้รับบริจาคอาคารเรียนขนาดใหญ่สองชั้น "สุทธิประเสริฐ" จากคหบดีชื่อนาค สุทธิประเสริฐ เป็นหลังที่สอง แบ่งออกได้ชั้นละ 2 ห้องเรียน เป็นอาคารเก่าที่สวยงาม มีคลองบ้านอ้อไหลผ่านไปลงแม่น้ำน้อยในฤดูน้ำ เรือก๋วยเตี๋ยวต้มยำเร่มาขายให้พวกเราได้เปลี่ยนบรรยากาศการกินตอนกลางวัน เป็นความหลังที่จดจำกันไม่ลืม
ฝั่งตรงข้ามมีโรงเรียนสุทธานุสรณ์ เป็นโรงเรียนเอกชนที่เปรียบเสมือนเพื่อนร่วมรุ่นกันด้วย
อาคารเรียนกลางน้ำหลังใหม่
สนามหน้าอาคารเรียนไม่กว้างมากนัก ใช้เป็นสนามบาสเก็ตบอลล์และวิ่งเปรี้ยวได้เท่านั้น หนทางออกกำลังกายอีกทางหนึ่ง เป็นการ"สาวเชือก"ที่ต้นสะตือยักษ์ วันนี้กลายเป็นที่ตั้งอาคารเรียนไปเสียแล้ว ต้นสะตือต้นสุดท้ายได้ล้มตายไปกับการก่อสร้างที่ไม่เคยปราณีใคร และในทุ่งนาท้องทุ่งผักไห่ยังหลงเหลือต้นสะตือกลางทุ่งนาอีกไม่กี่ต้น
มันเป็นต้นไม้ที่ทนน้ำท่วมในฤดูน้ำท่วมทุ่งได้ดี เรือนยอดแผ่ไพศาลให้ร่มเงากว้างมาก มันให้ฝักกลมๆที่พวกเราใช้เล่นเข่นกันในน้ำ
นายกสมาคม(คนกลาง)
ปัจจุบันนี้โรงเรียนได้ขยายการศึกษาเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จึงได้ขยับขยายอาคารเรียนออกไปอยู่กลางหนองบัวจนหมดทุกอาคาร ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกแตกต่างไปจากโรงเรียนอื่นๆ บางปีกิจกรรมนักเรียนก็มีการสอนเลี้ยงกบในกระชังกลางน้ำของโรงเรียน ปลาโตเร็วก็เคยเลี้ยง ความสดชื่นได้จากลมพัดไอน้ำรอบๆอาคารได้เยี่ยมยอด
คณะกรรมการหลายรุ่นร่วมใจ
นายกสมาคมศิษย์เก่าสุทธาประมุขในปัจจุบันนี้ มีภูมิลำเนาอยู่บ้านใต้วัดชีโพน ซึ่งเป็นชุมชนผสมผสานที่อยู่อาศัยร่วมกันกับชุมชนชาวมุสลิม เข้าเรียนและจบการศึกษาจากโรงเรียนผักไห่สุทธาประมุข รุ่น 07 (2507) ระดับ ม.ศ.3 แล้วไปศึกษาต่อมัธยมศึกษาตอนปลาย สำเร็จปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์(ฟิสิกค์) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรจน์ รับราชการครูตลอดชีวิตราชการ เกษียณเมื่อปีพ.ศ.2550 เข้าร่วมกิจกรรมของสมาคมชาวพระนครศรีอยุธยาและสมาคมศิษย์เก่าสุทธาประมุขสม่ำเสมอ จนเป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจ
ซักถาม ให้กระจ่างใจ
เมื่อ วันที่ 5 มิถุนายน 2553 เวลา 10.00-12.00 น. ห้องเอนกประสงค์โรงเรียนผักไห่สุทธาประมุข ได้ร่วมกับคณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่าสุทธาประมุข ประชุมปรึกษาหารือและกำหนดทิศทางของสมาคมอย่างเข้มข้น ได้รับความสนใจและอภิปรายกันทั่วจนเกิดมติในแต่ละประเด็น ส่วนประเด็นใดที่ยังไม่ลงตัวก็ปรับวาระไปในการประชุมครั้งต่อไป
มติ ประชุม 2 เดือน ครั้ง ที่ห้องเอนกประสงค์โรงเรียน เหมือนได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดโรงเรียนเก่า แฮบปี้ แฮบปี้
คณะกรรมการช่วยกันเสนอความคิดเห็น
ได้เห็นความตั้งใจของคณะกรรมการสมาคมที่ประกอบด้วยศิษย์เก่าหลายรุ่นแล้วดีใจมากครับ นั่นคือความหวังของสมาคมศิษย์เก่าสุทธาประมุขที่จะดำเนินการให้เกิดประโยชน์แก่วงการศึกษาของโรงเรียนและชาวผักไห่อย่างยั่งยืนและมั่นคงสืบไป
บางที การเริ่มคือก้าวแรกของการก้าวเดินไปข้างหน้า
อุปนายกสมาคมฯมอบเงินจากการจัดโบว์ลิ่ง อินทรีดำ บริจาค "มวยไทย"
หลังจากนั้นก็มีการอภิปรายของ ผอ.โรงเรียนสุทธ่ประมุขคนปัจจุบัน สุชิน มั่นศิล และรองผอ. เพื่อให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับโรงเรียนของเรา กิจกรรมที่จะดำเนิการเช่น วันที่ 8 กรกฏาคม 2553 ทอดผ้าป่าหาเงินซื้อที่ดินทำกิจกรรมการฝึกของนักเรียน คณะกรรมการสมาคมฯ จึงได้ร่วมบริจาคไปทั้งสิ้น สามหมื่นแปดพันบาทเศษ สาธุๆ
คณะกรรมการสมาคมร่วมถ่ายรูปหมู่