มรดกล้ำค่า วัดบันไดทอง เพชรบุรี
เอื้อยนาง
เสียดายผู้เขียนไม่มีความรู้เรื่องการช่างต่าง ๆ ไม่รู้ว่าเครื่องเครา ขื่อ แป ของอาคารต่าง ๆ ในทางช่างเขาเรียกเป็นอะไร เพราะภาษาไทยเรานั้นรุ่มรวย มีศัพท์เฉพาะ มีเชิง มีชั้น มีสร้อยทางภาษาเอาไว้พูดจาเรียกขานต่างกลุ่ม ต่างงานออกไป ทำให้ผู้ไม่ใส่ใจจริง ๆ หรือคุ้นชินในงานนั้นเรียกไม่ถูก
กระนั้นก็ยังตลึงตะลานละ เพียงเมื่อสายตาได้แลเห็น ความอลังการแห่งงานไม้ในหมู่เรือนล้ำค่า ที่วัดบันไดทอง หมู่ ๕ ต.บ้านกุ่ม เมืองเพชรบุรี ห่างจากตัวจังหวัดไปเพียง ๓.๕ กิโลเมตร
วัดบรรไดทอง,เพชรบุรี
วัดบันไดทอง เป็นวัดเก่าแก่สร้างในสมัยอยุธยา ประกาศเป็นวัดในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา ปี พ.ศ. ๒๒๗๕ จึงเป็นไปได้ว่า ก่อนกรุงศรีอยุธยาถูกไฟเผาผลาญนั้น วัดแห่งนี้และชุมชนใกล้เคียงคงเจริญรุ่งเรืองอยู่แล้ว และอยู่สืบเนื่องตลอดเรื่อยมา
โดยทั่วไป ชุมชนต่าง ๆ ในแถบเพชรบุรีจะสัญจรไปมาหาสู่ค้าขายโดยใช้เรือ จากเรือแจว เรือพายจนกลายมาเป็นเรือที่มีเครื่องยนต์ มาจนถนนหนทางถักทอทอดโค้งผ่านคุ้งแควนี่หรอกเรือจึงค่อย ๆ หดหายแม้จะยังมีอยู่บ้าง แต่ก็เท่าที่จำเป็นเท่านั้น และมีไม่น้อยที่เรือปรับเปลี่ยนบทบาท ไปเป็นเรือนำชมหิ่งห้อยที่หยดย้อยตามต้นลำพูชายฝั่งแม่น้ำเพชรบุรี และลำคลองสาขา
วัดบันไดทองตั้งอยู่ริมฝั่งลำน้ำเพชรบุรี ตรงที่เป็นโค้งตวัด (หมายถึงคุ้งน้ำที่ถูก
กระแสเชี่ยวกรากแห่งลำน้ำตวัดซัดเซาะตลิ่ง) ที่มีวังน้ำวน ซึ่งในฤดูน้ำนองกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากทำให้เป็นอันตรายในการเดินเรือ เพราะเกิดเรือล่มเป็นประจำตรงบริเวณนี้ จึงได้มีการขุดคลองลัดผ่านหน้าวัดบันไดทองในช่วงรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และได้ชื่อว่า คลองขุด
ธรรมชาติของแม่น้ำเพชรบุรีนั้นมีคุ้ง มีโค้งตวัดซัดเซาะตลิ่งพังทลายอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านเรียกคุ้งแบบนี้ว่า “น้ำหัก” แต่ปัจจุบัน หลังจากมีเขื่อนแก่งกระจานกั้นลำน้ำแล้วปัญหาน้ำเชี่ยวแบบโค้งตวัดจึงค่อยลดลง
ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ ท่านกวีเอกสุนทรภู่ได้นั่งเรือผ่านหน้าวัด ท่านบรรยายไว้ในนิราศเมืองเพชรของท่านว่า
“ถึงอารามนามที่กุฎีทอง ดูเรืองรองรุ่งโรจน์โบสถ์วิหาร
ตรงอารามนามท่าทำตะพาน นมัสการเกินมาในวารี
ถึงคุ้งเคี้ยวเลี้ยวลดชื่อคดอ้อย ตะวันคล้อยคล้ำฟ้าในราศี
ค่อยคล่องแคล่วแจวเรือในพริบพลี ประทับที่หน้าพลับพลาชัย”
เพชรบุรีเป็นเมืองเก่าแก่ ตามตำนานนครศรีธรรมราชปรากฏพระกุมารในนครแห่งนั้นยกพลมาตั้งอยู่ ณ เพชรบุรี สร้างสาชุมชนบ้านเมืองจนเติบโตรุ่งเรืองกลายเป็นเมืองหลวงมีกษัตริย์ปกครองต่อมา ตำนานกรุงเก่ากล่าวถึงสมัยพระเจ้าอู่ทองว่าพระอินทราชาได้มาซ่อมแปลงเมืองเพชรบุรี ในสมัยอาณาจักรสุโขทัยรุ่งเรืองนั้นเพชรบุรีเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ ขึ้นตรงต่อสุโขทัย โดยในจารึกพ่อขุนรามคำแหงกล่าวถึงขอบเขตอาณาจักรของพระองค์ เพชรบุรี ราชบุรี แพรก ฯลฯ อยู่ในอาณาเขตเบื้องหัวนอน
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทรงโปรดปรานเมืองเพชรบุรีมาแต่ครั้งยังทรงผนวชอยู่ ทรงสร้างพระราชวัง วัด และพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นบนเขาเตี้ย ๆ ใกล้ตัวเมือง พระทานนามว่า “พระนครคีรี”
ในฐานะคนไทย ที่ภูมิอกภูมิในศิลปวัฒนธรรมเก่าแก่ เอกลักษณ์ไทย เราได้รับรู้ความรุ่งเรืองของเมืองหลวงเก่าอยุธยา แต่กรุงศรีที่เราได้เห็นในบริเวณที่เป็นเกาะเมืองเก่าทำให้เราพยายามจินตนาการถึง บ้านเรือน วัดวา และพระราชวังเมื่อครั้งยังรุ่งเรือง บ่อยครั้งที่เราได้แต่ภาพในจินตนาการ มันจึงรางๆเลือนๆ ครั้นได้เห็นศาลาเรือนไม้วิจิตรอลังการในวัดนี้ทำให้ภาพนั้นแจ่มชัดขึ้นมาทันที ลวดลายงดงาม อ่อนช้อยด้วยฝีมือช่างที่บรรจงสร้างส่วนที่ประดับประดา และความโอ่โถงภายในศาลาทำให้ตลึงตะลานยากจะบรรยาย
อาศัยว่าหลานชาย (พี่แทน) ได้มาบวชเณรที่วัดบันไดทองเมื่อเมษาที่แล้ว ครั้นวันวิสาขบูชาปีนี้ (๒๕๕๓) มีวันหยุดติดต่อกันสามวัน เราจึงได้โอกาสมาทำบุญที่วัดบันไดทองได้รับความกรุณาจากพระอาจารย์ ประเสริฐ สุขวัฒโน เลขานุการเจ้าคณะตำบลบ้านกุ่ม-ธงชัย จึงได้เรียนรู้ความยิ่งใหญ่อลังการของมรดกล้ำค่านี้ ในเวลาอันจำกัดเพราะใกล้เพลเรายังมีโอกาสเข้าชมภาพเขียนประดับผนังภายในโบสถ์ด้วย
วัดบันไดทอง กรมศิลปากรก็มาแล ๆ จะขอขึ้นทะเบียนอยู่ แต่ที่จริงวัดโชคดีที่มีพระนักพัฒนา รู้คุณค่าของมรดกอันล้ำค่าจากบรรพชน มาเป็นพระที่นี่ และเป็นเจ้าอาวาสด้วย ท่านคือ พระครูสิริพัชรานุโยค (บุญชู อกิญฺจโน) เจ้าคณะตำบลบ้านกุ่ม และตำบลธงชัย เมือง เพชรบุรี
วัดได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ด้วยความวิริอุตสาหะของท่านและพระลูกวัดมาหลายปีกว่าจะสวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน โดยได้อนุรักษ์แบบแผนในการวางผังกุฏิสงฆ์แบบโบราณ อันประกอบด้วยหอสวดมนตร์ หอฉัน โรงครัว และกุฏิสงฆ์ เพื่อให้เป็นแหล่งศึกษาของอนุชนรุ่นหลัง
นอกจากนั้นท่านยังได้บูรณะอุโบสถ โดยรักษารูปแบบเดิมเอาไว้อย่างสวยงาม มั่นคงขึ้น อาศัยแรงงานจากพระในวัด
บูรณะเจดีย์ประธาน ตลอดจนหอระฆัง มณฑปจัตุรมุข
วิหารพระพุทธบาท รูปทรงแบบสถาปัตยกรรมไทยสมัยอยุธยาตอนต้น ฐานตรง หลังคาซ้อนเชิงชายยื่นออกมา แต่ไม่มีคันทวยรองรับ
นอกจากนั้นท่านพระครูสิริพัชรานุโยคยังเป็นผู้เห็นความสำคัญด้านการศึกษาของเยาวชน และพระเณร ท่านได้สร้างหอปริยัติธรรม และห้องสมุดประชาชน ใช้รูปแบบอาคารประเพณี มีช่อฟ้า ใบระกา และหัวนาค หน้าบันเป็นลายปูนปั้น ลอยตัว)พระนารายณ์ทรงครุฑ สร้างศาลาพักร้อน ศาลาอเนกประสงค์ และอื่น ๆ
ผู้เขียน พร้อมชาวคณะ คุณยายลำดวน และลูกหลานรู้สึกขอบพระคุณท่านผู้ใจดีให้โอกาส ให้ข้อมูลในการเผยแพร่ครั้งนี้เป็นอย่างสูงค่ะ
๐๐๐๐๐๐