http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม13,960,276
Page Views16,266,601
« March 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31      
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

ย่ำทรายในสายหมก ชมดอกไม้ในทัสมาเนีย โดยเอื้อยนาง

ย่ำทรายในสายหมก ชมดอกไม้ในทัสมาเนีย  โดยเอื้อยนาง

ย่ำทรายในสายหมก ชมดอกไม้ในทัสมาเนีย
                                                                                             “เอื้อยนาง

๕.  จากส้มตำถึงกัมทรี

 St.Helens

ใยเข็มที่รัก

                        เจ้ารู้ไหมใยเข็มว่าเจ้านั้นโชคดีแค่ไหนที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย  โดยเฉพาะเกิดเป็นไทยอีสาน  ในอีสานประเทศเขตแดนที่มีข้าวเหนียว  แจ่วบอง ส้มตำ (มะละกอ)  ให้กินน่ะ

                        ที่จริงข้อยก็เพิ่งประจักษ์ตอนมาอยู่ที่เซนต์เฮเลนส์นี่แหละ  เพราะเหตุว่าสองสามวันก่อนข้อยเกิดอาการหงุดหงิดงุ่นง่านรำคาญใจไม่เป็นอันอยู่อันกิน  เป็นอาการคล้ายคนกินข้าวไม่อิ่มท้องด้วยอาหารไม่ต้องใจน่ะ  กินอะไร ๆ ลงไปก็เป็นเหมือนไม่ได้กิน  คิดถึงคำผญาภาษิตอีสานที่เปรียบเปรยได้ว่า

                       ทุกข์บ่มีเสื้อผ้าฝาเฮือนดี  พอลี้อยู่  ทุกข์บ่มีข้าวอยู่ท้องสินอนลี้อยู่จั๊งใด๋

                        ช่างจริงแท้อย่างโบราณว่าไว้ไม่มีผิดนาใยเข็ม  ความทุกข์ระทมตรมหมองอันเกิดจากไม่มีเสื้อไม่มีผ้าใส่ยังพอหลบอยู่ในบ้านไม่ต้องออกไปพบใคร ๆ ก็ได้     แต่ความทุกข์อันเกิดจากไม่มีข้าวตกถึงท้องนั้น จะนอนหลบลี้ให้หายหิวย่อมเป็นไปไม่ได้จริงไหมล่ะ

                        ข้าวเจ้าที่ซุปเปอร์มาเก็ตในเซนต์เฮเลนส์น่ะมีถมไปหรอก    ราคากิโลกรัมละ ประมาณ  2  เหรียญ      อาจถูกหรือแพงกว่าบ้างตามเกรดของข้าว  ข้อยมีหุงกินอยู่ทุกวันแหละ      แต่ว่า….ใยเข็มเอย เจ้าก็รู้ว่าข้อยนั้นเป็นลาวลึกแค่ไหน  มีจิตผูกพันกับข้าวเหนียว  แจ่วบอง  ส้มตำ(สูตรลาว)เพียงใด         ดังนั้นที่ทำให้ทุกข์อยู่ขณะนี้ก็คือ      ข้าวเหนียวแจ่วบองต่างหาก     ข้อยเคยหยิ่งผยองลำพองใจและคุยกับใครๆเขาว่า  เป็นคนอยู่ง่าย  กินง่าย  ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เสมอ  ยังเคยหัวเราะเยาะคุณอรพิน เพื่อนรักผู้ที่เป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตอนนี้      เธอเล่าให้ฟังว่า คราหนึ่งเธอติดประชุมที่สภา ฯ หลายวันติดต่อกัน 

                                            

                       
ต้องกินต้องนอนใช้ชีวิตอยู่แต่กรุงเทพ ฯ ทำให้เกิดอาการแฮ้งส้มตำ(สำนวนของเธอ)อย่างแรง      มีอาการคล้าย ๆ จะลงแดงน่ะ เดือดร้อนเพื่อนสมาชิกบางท่านต้องพากันเสาะหาส้มตำสูตรลาวอุบลฯกันอลหม่าน  มาเยียวยาเธอให้ฟื้นอาการนั้น ซึ่งเป็นอาการของข้อยในสองสามวันนี้ (เจ้าอย่าไปเล่าให้ใครฟังล่ะ)

                     คนที่นี่เขาอยู่ได้อย่างไรหนอโดยปราศจากข้าวเหนียว  แจ่วบอง  หรือแม้แต่มะละกอ คิดคำถามนี้ได้แล้วข้อยก็เลยปีนรั้วไปบ้านคุณยายนอเรน

                     อันว่า คุณยายนอเรนคนนี้อายุ  70  กว่าปี  แล้วยังแข็งแรงและสาวอยู่เลย  เธออยู่คนเดียวในบ้านหลังเล็กที่ล้อมรอบด้วยสวนดอกไม้  เป็นบ้านหลังแรกที่จัดดินเนอร์ต้อนรับในวันแรกที่ข้อยมาถึงเซนต์เฮเลนส์  เธอเป็นคนมีอัธยาศัยพร้อมจะให้คำปรึกษาแนะนำแก่คนไกลบ้านอย่างข้อยเสมอ  ข้อยได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากเธอทีเดียวหละ  และคิดว่าเธอน่าจะรู้บ้างว่า ในละแวกนี้มีข้าวเหนียวส้มตำหรืออย่างน้อยก็มะละกอขายที่ใดบ้าง  เพราะที่เมืองโฮบาร์ต น้องใจเคยพาไปร้านค้าของชาวจีน ที่นั้นมีอะไรทุกอย่างจากเอเชียเชียวหละ  แต่ที่โฮบาร์ตก็อยู่ไกลเกินกว่าจะขับรถไปซื้อข้าวเหนียวส้มตำมากินได้

                        รับฟังปัญหาด้วยสีหน้ายิ้มๆแล้ว  นอเรนก็เลยชวนข้อยไปเดินตลาดกัน  ซึ่งเป็นตลาดที่มีเฉพาะวันเสาร์  จัดขึ้นที่ลานกว้างหน้าพิพิธภัณฑ์เซนต์เฮเลนส์  เป็นที่รวมของสินค้าราคาถูกหลายประเภท  เจ้าของฟาร์มจะนำของสดจากฟาร์มมาขายโดยตรง  ประเภทผัก  ผลไม้  ดอกไม้  มันฝรั่ง  แครอท  น้ำผึ้ง  ตลอดจนขนมนมเนยและแยมที่ทำจากบ้าน เรียกว่าเป็นสินค้าโฮมเมดน่ะ  บิสกิต  ขนมเค้ก  และแยมจากตลาดนี้น่ากินกว่าจากซื้อซุปเปอร์มาเก็ตเยอะ  ผู้คนจึงนิยมมาจับจ่ายไปตุนไว้ตลอดสัปดาห์

  
                        

                     
เพราะมันอยู่ใกล้บ้านและมีที่ให้เดินเที่ยวไม่มากนักในเมืองเล็กๆนี้   ข้อยจึงมาเดินแทบทุกสัปดาห์  จำหน้าพ่อขายแม่ขายได้แทบทุกร้าน  ข้อยชอบแวะดูร้านสินค้ามือสองที่ขายพวกของกระจุกกระจิกตกแต่งบ้าน  ของเก่าบางอย่างสวยมากและราคาไม่แพง  ดูแล้วเพลิดเพลินแต่ไม่ซื้อหรอกนะใยเข็ม   จนปัญญาจะขนมาเมืองไทยน่ะ  แต่เจ้าประจำที่มักได้ติดไม้ติดมือกลับบ้านเสมอก็คือร้านหนังสือเก่า  หนังสือดีๆ บางครั้งซื้อได้เล่มละ  50  เซนต์  หรือไม่เกิน 1  ดอลล่าร์  นับว่าเป็นกำไรของคนชอบหนังสือล่ะ    เป็นสมบัติอย่างเดียวที่ข้อยไม่เกี่ยงเรื่องน้ำหนักติดตัวเวลาเดินทางด้วย    เจ้าก็รู้เมื่อกลับเมืองไทยในครั้งก่อนๆ เมื่อพบหน้าเพื่อนครูและใครๆ(รวมทั้งเจ้าด้วย) ทักว่ากลับจากออสเตรเลียแล้วหรือ  ข้อยจะยิ้มแห้งๆ ตอบเบาๆทุกที  เพราะไม่มีของฝากติดมือมาให้ใคร  มัวแต่ขนหนังสือจนหนักอึ้งในกระเป๋านะซีใยเข็ม

                        แต่วันนี้ข้อยมาตามหามะละกอกับนอเรน  ข้อยสื่อสารกับคนทั้งหลายได้ไม่ดีนัก  นอเรนจึงจัดการไถ่ถามให้     แม่ค้าชาวขายหลายคนฟังแล้วยิ้ม     บางคนบอกว่าแถบทางเหนือของทวีปออสเตรเลียนั้นมีมะละกอ  กล้วย  อ้อย  เหมือนไทยแลนด์เลยหละ  บางคนชี้ไปที่แผงท้ายรถของชาวฟิลิปินส์คนหนึ่ง  ซึ่งมีสินค้าหลากหลายทั้งสิ่งประดิษฐ์จากเศษวัสดุฝีมือเธอเองและพืชผลจากสวน  ข้อยเลยได้มะนาวกับน้ำผึ้งกลับบ้านแทนข้าวเหนียวกับแจ่วบอง  ส้มตำมะละกอ !!!


                            

                       
เพิ่งประจักษ์เดี๋ยวนี้เองว่า  เมืองไทยเรานั้นช่วงหลากหลายสีสันและรสชาติ  อาหารการกินช่างหลากหลาย  ทั้งเปี้ยวหวานมันเค็มเผ็ดจืด  คิดแล้วข้อยก็เลยทำน้ำมะนาวเปรี้ยวๆเหยาะเกลือเค็มนิด  เติมน้ำผึ้งให้หวานหน่อย  ดื่มแก้ขัดละใยเข็ม  เจ้ารู้ไหมน้ำผึ้งกลายเป็นอาหารหลักของข้อยไปแล้วในเวลานี้  เพราะใช้แทนน้ำตาลชงชา  กาแฟ  และอื่น ๆ ที่ต้องใช้น้ำตาลน่ะ

                        น้ำผึ้งของทัสมาเนียถือเป็นน้ำผึ้งชั้นดีทีเดียว     เพราะพื้นที่กว่า 1 ใน 4 ของรัฐเป็นป่าดงพงไพรและต้นไม้พื้นเมืองในแถบนี้จะเป็นต้นไม้ที่เขียวตลอดปี จึงมีดอกไม้ให้ผึ้งนำไปผลิตน้ำผึ้งได้มากมาย  และเขาก็ทำกันง้ายง่ายนะใยเข็ม  เพียงมีกล่องไว้ให้นางพญาของมันอยู่ ฝูงผึ้งทหารผึ้งงานทั้งหลายที่ล้วนจงรักภักดีก็จะแห่กันมาทำงาน หาน้ำหวานจากดอกไม้ในธรรมชาติมาผลิตเป็นน้ำผึ้ง

  

                           

                         ต้นไม้หลักๆคือ ยูคาลีปตัส
(Eucalyptus) และ วัตเทิลส์(wattles) 94 เปอร์เซ็นต์ของไม้เนื้อแข็งในออสเตรเลียเป็นต้นยูคาลีปตัส (Eucalyptus)   ซึ่งขึ้นหนาแน่นตามเทือกเขาในแถบรัฐวิคตอเรีย ทัสมาเนีย และตะวันตกของทวีปไปจนถึงเกาะปาปัวนิวกีนี อินโดนิเซีย ตลอดภาคใต้ของฟิลิปินส์  เพราะยูคาลีปตัสเป็นต้นไม้ที่ขึ้นได้แม้ในแถบที่แห้งแล้ง รากของมันสามารถชอนไชไปหาน้ำได้เป็นระยะทางไกลๆ   เหมือนมือแม่นาคเลยแหละ

ใยเข็ม    

                      ยูคาลีปตัสนั้นมีมากกว่า   600 ชนิด(Species) มีตั้งแต่ชนิดต้นเล็กๆ   ไปจนถึงลำต้นสูงใหญ่ สูงถึง  200 ฟุตก็มี    และมีประมาณ  100  ชนิด ที่สามารถนำมาเลื่อยเป็นไม้ได้ และมีเพียง  40  ชนิดที่สามารถทำเป็นพืชเศรษฐกิจได้     ชาวออสเตรเลียเรียกต้นไม้ชนิดนี้ว่า กัมทรี (gum tree)

   เพราะความที่เป็นต้นไม้พื้นเมืองมีอยู่ทั่วๆ ไป หาได้ง่ายๆ ต้นใหญ่ๆนั้นหลายคนโอบไม่มิดเชียวน่ะใยเข้ม    กัมทรีจึงมีบทบาทมีความสำคัญมาตั้งแต่ยุคบุกเบิก  ทั้งใช้ปลูกสร้างบ้านเรือนและเป็นสินค้าส่งออก  ตลาดที่สำคัญคือ  นิวซีแลนด์  อังกฤษและสหรัฐอเมริกา

                      ต้นไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีอยู่ทั่วไป  คือ  ต้นวัตเทิลต์ (Wattles)   ซึ่งถือว่าเป็นต้นไม้ประจำชาติของออสเตรเลีย   ซึ่งมีมากมายหลายพันธุ์เช่นกัน  ช่วงนี้ใกล้ฤดูใบไม้ผลิดอกวัตเทิลส์จะแย้มบานเหลืองอร่ามไปทั่วป่า   ตัดกับสีเขียวเข้มของใบ  มองเห็นได้ในทุกหนแห่งสวยงามมาก  ชาวออสเตรเลียจึงเลือกใช้สีของใบและดอกวัตเทิลส์มาเป็นสีประจำชาติ

                       ที่ได้ชื่อว่าวัตเทิลส์นั้นเพราะนักบุกเบิกในยุคแรกๆได้พบเห็นชาวอะบอริจินใช้กิ่งก้านของมันเป็นที่กำบังหลบภัยและพักอาศัย  เพราะคำว่า  wattle หมายถึง  กิ่งไม้หรือโครงไม้ขัดแตะกันนั้นเอง

                       ไม้เหล่านี้ทั้งกัมทรีและวัตเทิลส์ถือเป็นมรดกหนึ่งที่ธรรมชาติให้มา  พวกเขาจะรักและหวงแหนกันมาก ปัจจุบันการทำไม้ใช้ไม้นี้มากขึ้น ทำให้ประชาชนบางคนบางกลุ่มเริ่มมองอย่างห่วงใย   มีการพูดถึงกันทั่วไปในสื่อมวลชน  หลายป่าของเอกชนก็เริ่มหันมาปลูกไม้ทดแทนกันมากขึ้น  และโดยเฉพาะเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมามีน้ำท่วมหลายพื้นที่ใน    ทัสมาเนีย  ความสำคัญของต้นไม้ในท้องถิ่นจึงถูกนำมาพูดกันมากขึ้น  มันก็เป็นอย่างนี้เหมือน ๆ กันแทบทั้งโลกน่ะใยเข็ม  วัวหายแล้วล้อมคอกก็ยังดีกว่าปล่อยให้หายไปทั้งวัวทั้งคอกว่าไหม

 

                                                                                               รักเจ้าหลาย

                                                                      จากข้อยเอง   เอื้อยนาง

 

 

 

Tags : ออสเตรเลีย ทัสเมเนีย ย่ำทรายในสายหมอก เอื้อยนาง

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view