สิมวัดแจ้ง
“พรหมพร พานิชกิจ”
สิม หรือ พัทธสีมา หมายถึง สถานที่ไว้ทำพิธีต่าง ๆ ของชาวพุทธอีสาน
หรือคนทั่วไปเรียกว่า โบสถ์
สิม เป็นคำลาว ดังนั้นโบสถ์ที่เรียกสิมส่วนใหญ่ในปัจจุบันจึงเป็นอาคารศิลปะลาว ทรงคุณค่า ในแถบอีสานมีสิมกระจัดกระจายตามเมือง หรือหมู่บ้านที่มีประวัติสืบทอดมาจากยุคก่อนที่วัฒนธรรมลาวเผยแผ่สู่อีสาน
สิม หรือ โบสถ์ในสมัยใหม่มักเป็นศิลปะร่วมสมัย แบบศิลปะไทย หรือผสมผสาน หลายแห่งดูหรูหราอลังการ มีหลังคาซับซ้อน มีประตูหน้า ประตูหลัง และหน้าต่างมากมาย เป็นความนิยมตามยุคสมัย บางแห่งสร้างเป็นรูปเรือบรรทุกสิมไว้ทั้งหลัง ดูคล้ายเป็นสัญญลักณ์ว่า แม้น้ำท่วมโลก เรือก็จะพาสิมล่องลอยโอบอุ้มพระศาสนาเอาไว้กระนั้น
เช่น โบสถ์ วัดหลวงปู่มี เป็นต้น
แต่สิมแบบดั้งเดิม ศิลปะลาว สร้างเป็นอาคารเล็ก ๆ ขนาดพอที่พระจะเข้าไปทำสังฆกรรมภายใน มีประตูทางเข้าเพียงทางเดียว สมถะเรียบง่ายเข้ากับศาสนาพุทธและชีวิตไทยพื้นบ้านอีสานไทยทั่วไป
สิมวัดแจ้ง ตั้งอยู่ที่วัดแจ้ง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ ๒๔๓๑ โดยเจ้าราชบุตร หนึ่งในอาญาสี่ผู้ปกครองเมืองอุบลยุคนั้น เป็นผู้ริเริ่มสร้าง
สิมวัดแจ้งนี้เป็นโบสถ์ลักษณะเก่าแก่ของคนอีสาน ที่ค่อนข้างสมบูรณ์เมื่อเทียบกับสิมวัดอื่น ๆ ยุคเดียวกัน เป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยอีสาน เป็นสิมทึบ ก่อด้วยอิฐขนาดสามห้อง กว้าง ๖ เมตร ยาว ๑๕ เมตร สูง ๑๐ เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันออก หลังคาชั้นเดียว มุงด้วยกระเบื้องดินเผาทรงจั่วสูงมีปีกนกสองข้าง
เสาด้านหน้าเป็นเสาไม้กลมสี่ต้น ลายไม้แกะสลักเป็นรูปรวงผึ้งลายดอกบัว หน้าบันแกะสลักเป็นรูปช้างเอราวัณอยู่กลางระหว่างคชสีห์สองตัว
คันทวย และหางหงส์เป็นรูปหัวพญานาค
มีประตูทางเข้าทางเดียว หน้าต่างด้านข้างสามบาน กรอบหน้าต่างเป็นรังผึ้งย้อยลงมา ส่วนกรอบล่างเป็นรูปกรงสลักลายเช่นเดียวกัน บนสุดยอดแหลมเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ แต่ปัจจุบันสูญหายไปแล้ว ส่วนล่างลงมาแกะเป็นดอกพุดตานทำเป็นชิ้น ๆ แล้วนำไปปะติด
มีบันไดขึ้นด้านหน้าบันไดเดียว ราวบันไดปั้นปูนเป็นรูปจระเข้สองตัว เหหัวลงมา มีลักษณะกบดาน เพื่อคอยเฝ้าพิทักษ์รักษา
สิมวัดแจ้งมีการบูรณะถึง ๓ ครั้ง คือเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕, ๒๕๑๓ และ๒๕๒๗ตามลำดับ โดยครั้งสุดท้ายกรมศิลปากรทำการบูรณะที่จะอนุรักษ์สภาพเก่าของสิมไว้ และถึงแม้จะมีการบูรณะถึง ๓ ครั้ง แต่ก็ยังพยายามคงสภาพเดิมไว้ให้มากที่สุด
ดังนั้นสิมวัดแจ้งจึงเป็นสถานที่มีคุณค่าอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี จนได้รับเกียรติบัตรในงาน นิทรรศการ “สถาปนิก๓๐” จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี
คันทวยงดงาม
วัดแจ้งตั้งอยู่ใจกลางเมืองอุบลราชธานี แต่สภาพโดยรอบยังมีต้นไม้ร่มครึ้มให้ร่มเงา เย็นสบายแก่ผู้มาเยือน สิมหลังน้อยนี้ซ่อนตัวอยู่ในหมู่แมกไม้ คล้ายจะเจียมเนื้อเจียมตัวในความเล็กน้อยแห่งตน มีแต่ผู้คนที่รู้ค่าเท่านั้นเดินทางมาชื่นชม ในงานศิลปะอันสืบเนื่องจากศรัทธาในพุทธศาสนามาแต่บรรพบุรุษ
หากมีเวลาแวะเมืองอุบลขอเชิญไปยลความงามสมถะในแมกไม้ใจกลางเมืองก่อนสัก ๑๐ นาทีนะคะ อยู่ไม่ห่างจากสนามบินเท่าไหร่หรอกน่า เสียเวลาเดินทางนิดหน่อยเอง
QQQQQ