อาจารย์ จำลอง บุญสอง เป็นนักคิดและนักเขียนที่แปลกแตกต่างจากนักเขียนเรื่องการเมืองหลายคน แต่ละเรื่องต้องอ่านซ้ำด้วยว่า เป็นข้อคิดแนวเขียนที่ยากจะเข้าใจ และพินิจพิจารณาจริงๆ เหมือนเป็นทฤษฏี หรือคัมภีร์ ต้องลองอ่านหลายๆรอบ จะเข้าใจและง่ายขึ้นในคราวต่อไป ลงตีพิมพ์ในนสพ.โพสท์ทูเดย์รายวัน ศุกร์ ที่ 27 สค.2553 เว็บนี้ได้รับเมลล์จากอาจารย์จำลองให้เผยแพร่ต่อในเว็บทองไทยแลนด์ได้ด้วยความเต็มใจ
-----------------
พินิจการเมือง (การเดินทางของความคิด)
จำลอง บุญสอง
เพลงเผด็จการ
ในช่วงสุดท้ายของระบอบเผด็จการ ผมอ่านเหตุผลของการเข้าร่วมในคณะปฏิรูปประเทศไทยของ ดร.
1.การรวมศูนย์ อำนาจการปกครอง (ที่รัชกาลที่ 5) ทำเพื่อสถาปนาความเป็นรัฐชาติ กับการรวมศูนย์ อำนาจอธิปไตย ของเผด็จการในปัจจุบัน “เป็นคนละเรื่อง” กัน เอามาปะปนกันไม่ได้ ถ้าไม่รวมศูนย์การปกครองวันโน้นก็คงไม่มีรัฐประชาชาติไทยในวันนี้ 2. “อำนาจอธิปไตย” ต่างกับอำนาจการปกครองคืออำนาจอธิปไตยต้อง “ไม่รวมศูนย์” ต้องกระจายไปสู่มือของประชาชน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึง เพื่อ “สร้างการปกครองแบบประชาธิปไตย” ตามหลักเกณฑ์ “อำนาจการปกครอง” รวมศูนย์ “อำนาจอธิปไตย” กระจาย ซึ่งเป็นขั้นเป็นตอนในการสร้างบ้านสร้างเมืองในยุคทุนนิยมของทุกๆประเทศ ถ้าใครมิจฉาทิฐิ คิดผิดไปจากขั้นตอนแห่ง “ความจริงแท้” อันนี้นอกจากจะ “สร้างบ้านสร้างเมืองไม่ได้” แล้ว ยังสร้างความพินาศให้แก่บ้านเมืองอีกด้วย
2. การปฏิวัติจะรุนแรงหรือไม่รุนแรงไม่ใช่เกิดจากประชาชนแต่เกิดจากผู้ปกครองเป็นหลัก ถ้าผู้ปกครองใช้ความรุนแรง ประชาชนก็ใช้วิธีการรุนแรงด้วย (ดังสามจังหวัดภาคใต้หรือที่อื่นๆในโลก) ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้เสนอการปฏิวัติสันติขึ้นในประเทศไทย แต่การปฏิวัติสันติจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ไม่ใช่เป็นเรื่องของประชาชนเป็นหลักแต่เป็นเรื่องของผู้ปกครองเป็นหลัก สำหรับเมืองไทยผมภาวนาให้ “ผู้ปกครองไทย” “มีดวงตาเห็นธรรม” ถึงแม้ว่าจะติด “บ่วงเบ็ดแห่งกรรม” ฆ่าประชาชนบนถนนราชประสงค์ไปแล้วก็ตาม การปฏิวัติเป็นเรื่องของ “ธรรมชาติ” ทางการเมือง ถ้าจะให้ดี คุณเสกสรรไปเทศน์ให้ผู้ปกครองฟังดีกว่า ประชาชนต้องการสันติอยู่แล้ว
3.ในการแก้ๆปัญหาชาติต้องใช้ “ลัทธิประชาธิปไตย” จะเอา “ลัทธิรัฐธรรมนูญ” มาแก้ ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างอะไรกับที่หมอประเวศ ทำปฏิรูปการเมืองปี 2540 คือยืดอายุเผด็จการไปได้ชั่วคราว แต่บ้านเมืองก็พินาศลงทุกวัน คุณเสกสรร “ทำปฏิรูป”ใน “ปฏิกิริยา” สร้าง “ประชาธิปไตย พลาสติค” หลอกประชาชน ไม่อายใจตัวเองบ้างหรือไง ถ้าเผด็จการใช้นักคิดหัวก้าวหน้าได้ก็แสดงว่า “เขาเก่ง” ถ้า “เขาไม่เก่ง” เราก็ “ไร้เดียงสา” ถ้าเราไม่ไร้เดียงสาเราก็ “ปลอม” ปลีกวิเวกตั้งนานน่าจะคิดอะไรได้มากกว่านี้นะครับ
ท่านผู้อ่านครับ คราใดที่เผด็จการถูกประชาชนรุกหนัก แก้ปัญหาไม่ได้ เผด็จการจะแก้ปัญหาด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาเพื่อยืดเวลาออกไปทุกครั้ง วันนี้เผด็จการเอานักกิจกรรม เอ็นจีโอ อาจารย์ นักแรงงาน “หัวกระทิ” (Hard Core) เข้ามาอยู่ใน “บ่วง” “องค์กร” ปฏิรูปที่เขาตั้งขึ้นเพื่อ “รวมศูนย์” การนำเอาไว้ใต้อุ้งมือ
นอกจากเผด็จการจะได้ 1. “หัวกระทิ” ทั้งที่ “ไร้เดียงสา” “ปฏิกิริยา”และ “Counter Revolution” มา “รับรองสถานภาพ”ให้แล้ว 2.ยังได้ Hard Core เหล่านั้น มา “ควบคุม” ทิศทางได้ด้วย ยิ่งถ้า 3.ได้ “ Change Agent” (ปฏิกิริยาหรือ Counter Revolution ก็ได้) ออกมาพูดถึง “ความไม่เป็นธรรมในสังคม” “โชว์เดี่ยว” “เล่นลิเก” ถูกใจคนดู จนคนดูฝาก “ความหวัง” เอาไว้ ทั้งๆที่เป็นเพียงละครฉากหนึ่งเพื่อลดกระแสเท่านั้น 4.ร้ายที่สุดก็คือการเอา “นักปฏิวัติจอมปลอม” ออกมาเรียกร้อง “ปฏิรูป” ไม่ “ปฏิวัติ” เพราะ ปฏิวัติ “รุนแรง” “หลอกประชาชน” ไม่ให้เปลี่ยนอำนาจอธิปไตยของระบอบอำมหิตไปเป็นอำนาจอธิปไตยปวงชน ทั้งๆที่การปฏิวัติมีในทุกสรรพสิ่ง จากคนธรรมดามาเป็นอรหันต์ก็เรียกว่าปฏิวัติ ส่วนการเมือง จะรุนแรงหรือไม่รุนแรงไม่ได้เกิดจากประชาชนแต่เกิดจากผู้ปกครอง ถ้าผู้ปกครองไม่รุนแรงประชาชนก็ไม่รุนแรง นักปฏิวัติจอมปลอมพวกนี้ไม่พูดถึงความรุนแรงอันเกิดจาก “หลักการผิด” อันเป็นปฐมเหตุแห่งปัญหาแต่ดันไปพูดถึงความรุนแรงที่เกิดจาก “วิธีการ” “รับใช้หรือไม่รับใช้” ดูกันแค่นี้ก็พอ
ท่านผู้อ่านครับตอนนี้เผด็จการหลอกใช้ “พระ ชี” อวิชชาให้มาเทศนาเรื่อง “ความสามัคคี” “คนดี” อย่า “สร้างความแตกแยก” ใช้ “นักร้อง” ไร้เดียงสาออกมาขับขาน “อยากให้เมืองไทยสงบดังเดิม”, “น่าเศร้าที่เห็นคนไทยไม่รักกัน” บ้านเมืองบอบช้ำมากพอแล้ว ใช้ “นักสันติวิธี” มากล่อมคนที่ถูกกระทำเพื่อลดดีกรีการต่อสู้ นักรบ “ด้านการสื่อสาร” เหล่านี้ แยก “ปรากฏการณ์” จนมอง “ไม่เห็นธาตุแท้” ไม่เห็น “องค์รวมแห่งทุกข์” จริงๆว่าอยู่ตรงไหน คนน่าสงสารเหล่านี้จึงช่วยเผด็จการ” “หลอก” “ประชาชน” ให้ “หลงทาง” ไปโดยไม่รู้ตัว
ปล.1.การ “ทวงบุญคุณ” เยาวชนของ พล.อ เปรม เรื่อง “ตอบแทนคุณแผ่นดิน” ท่านไม่ได้หมายถึง ให้เยาวชนมาช่วยทำ “อำนาจอธิปไตยของเผด็จการมลายหายไป” ให้ “อำนาจอธิปไตยปวงชนเข้ามาแทนที่” เพื่อสร้าง ความเสมอภาค เสรีภาพ เกิดขึ้นจริง ในบ้านเมืองตามระบอบประชาธิปไตย การบอกให้เยาวชน “ตอบแทนคุณแผ่นดิน” ของท่าน คือให้เด็กๆผู้รับทุนช่วย “พยุงระบอบเผด็จการ” ให้หรือไม่ คิดเอาเอง
2.ประธานมูลนิธิสัมมาชีพ คุณ
คลองมันคดจะไม่ให้น้ำคดตามคลองได้ไง
3.ชอบใจคุณพงศ์โพยม วาศภูติที่พูดถึงการแต่งตั้งในมหาดไทยว่า “ไม่ต้องเอาสมองคิดแค่เอาเท้าคิด ก็รู้ว่าไม่เป็นธรรมแล้ว” วงราชการเองยัง “สองมาตรฐาน” กันขนาดนี้ ประชาชนไม่โดนหนักกว่านี้หรือ
5.สมาคมนักข่าวเชิญผมไปพูดที่กรมสรรพาวุธทหารเรื่องข่าวสงครามเพื่อ “เพิ่มความรู้ให้กับนักข่าว”หรือ “เอานักข่าวไปให้ทหารครอบ” ผมไม่แน่ใจ จริงๆแล้วควรเอา ไชยวัฒน์ พุ่มพวง ที่โดนทหารยิงคราวปราบเสื้อแดงประตูน้ำไปพูด สมาคมควรช่วยทวงถามความเป็นธรรม(จากทหารและรัฐบาล)ให้น้องผมด้วย อย่าเอาแต่สานสัมพันธ์กับทหารอย่างเดียว ถามเนชั่นด้วยว่าจะช่วยน้องผู้พิการของผมอย่างไร นี่ผมไม่ได้มีอคติอะไรกับทหาร เพราะรู้ดีว่าทหารเป็นเพียงแค่กลไกรัฐ จะทำอะไรลงไป (ฆ่า ยิงคน) ก็เพราะได้รับ “คำสั่ง” แต่คำสั่งนั้นชอบธรรมหรือไม่ถามตัวเอง 66/23 เขาถางทางให้ทหารเดินบนถนนได้อย่างสง่าผ่าเผย เพราะทหารช่วยสร้างประชาธิปไตยขั้นต้นให้กับประชาชน จนเกิดความสงบในชาติระยะหนึ่ง แต่วันนี้ทหารไปถือปืนคุ้มครองใคร เผด็จการ นายทุนหรือประชาชน บ้านเมืองจึงวินาศทุกวันนี้