http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม13,942,239
Page Views16,247,629
« March 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31      
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

หากเด็กเป็นฟองน้ำก้อนหนึ่ง โดยเอื้อยนาง เรื่อง-ภาพ

หากเด็กเป็นฟองน้ำก้อนหนึ่ง  โดยเอื้อยนาง  เรื่อง-ภาพ

หากเด็กเป็นฟองน้ำก้อนหนึ่ง

“เอื้อยนาง”

                                    “หากเด็กเป็นฟองน้ำก้อนหนึ่ง

                             แล้วเขาจะซับเอาน้ำแบบไหน

                             ในท่ามกลางน้ำขุ่น  น้ำใส  น้ำเน่า  น้ำหนอง...

                             ที่เจิ่งนอง  ท่วมท้นอยู่รอบตัวเขา...”

                     

                                                          คุณอรพิน จำปาเนตร

          วลีสะดุดใจนี้เป็นคำพูดของ คุณธวัชชัย  ไทยเขียว  อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน บนเวทีสนทนาหัวข้อ  “กระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชนที่ต้องหาว่ากระทำความผิด” จัดโดย  คณะทำงานด้านการยุติธรรม สิทธิมนุษยชนและธรรมภิบาล  สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  วันที่  ๑๐  กันยายน ๒๕๕๓  ที่ผ่านมา  ณ  ห้องประชุม ๑  ชั้น ๓ สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

            ในช่วงนี้คงไม่มีข่าวใดที่ให้ความรู้สึกกระเทือนใจแก่ผู้คนในบ้านในเมืองเราได้เท่ากับ  ข่าวความโหดร้าย  รุนแรง  ไร้จิตสำนึกของเด็ก ที่เกิดขึ้นถี่ ๆ นี้ได้อีกแล้ว  สร้างความห่วงใยอนาคตภายหน้าให้แก่ผู้ใหญ่จนหลายฝ่ายนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้  มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรียกร้องกับผู้เกี่ยวข้อง  ผู้รับผิดชอบ  ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง  สถานศึกษา  หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ 

                     

            คณะทำงานการยุติธรรมสภาที่ปรึกษาฯ  มีนายสุทธินันท์  จันทระ เป็นประธาน และกรรมการ ๒๑ คน มีนาง อรพิน  จำปาเนตร  เป็นเลขานุการได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาความรุนแรงของเด็กและเยาวชนที่ปัจจุบันมีแนวโน้มกระทำผิด และถูกละเมิดสิทธิ รวมทั้งตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมมากขึ้นทุกวัน   โครงการเสวนาในวันนี้จึงเกิดขึ้น  โดยเชิญวิทยากรผู้มีประสบการณ์เกี่ยวข้อง และผู้เข้าร่วมเสวนาจากทุกภาคส่วน  เพื่อสรุป วิเคราะห์  สังเคราะห์ร่วมกันเสนอแนะการแก้ไขเป็นเชิงนโยบายต่อไป  มีวิทยากรบนเวที คือ

            นาย เผดิม  เพ็ชรกูล  รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยวชนและครอบครัวกลาง

            นาย ธวัชชัย  ไทยเขียว  อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน

            นาง ทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกาญจนาภิเษก

            นาง ปวีณา  หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

            พ.ต.อ.ศรายุทธ  พูลธัญญะ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์

            ดำเนินรายการโดย นายบุญเลิศ  คชายุทธเดช(ช้างใหญ่)บรรณาธิการอาวุโสหนังสือพิมพ์มติชน

                     

            เริ่มต้นด้วยตัวแทนฝ่ายตำรวจ ท่าน พ.ต.อ.ศรายุทธ  พูลธัญญะ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำผิดของเด็กและเยาวชน  ซึ่งมีตั้งแต่ความผิดเล็กน้อย เช่นลักขโมยไปจนละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาค้าซีดีเถื่อน ค้ามนุษย์ เป็นโสเพณี ยกพวกตีกันถึงขั้นก่ออาชญากรรม  โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากครอบครัว สิ่งแวดล้อม พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลลูก  และส่วนมากเมื่อลูกถูกจับมักพูดว่าลูกของตนอยู่บ้านเป็นเด็กดีมาก มักโทษคนอื่น โทษครู โทษเพื่อนของเด็ก...โดยไม่ตอบคำถามว่าเด็กซิ่ง เด็ก

แว้นครูซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ขับหรือเปล่า...เรื่องทั้งหลายสามารถป้องกันได้หากทุกฝ่ายทำความเข้าใจและร่วมมือ  การป้องกันย่อมดีกว่าการปราบปราม

            คุณ ธวัชชัย  ไทยเขียว  มาวันนี้ขอพูดในฐานะตัวแทนเด็ก  ด้วยตัวเองก็เคยเป็นเด็กมาก่อน  ผู้ใหญ่ทุกคนล้วนเคยเป็นเด็ก แต่ไม่มีเด็กคนไหนเคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อนเลย  เด็กก็ยังเป็นเด็ก  ผู้ใหญ่ต่างหากที่เปลี่ยนไป  ผู้ใหญ่ทำให้  สังคมและ สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป  ทำให้ศาสนา  วัฒนธรรม  ประเพณีมันหลวมไปหมด  อุปมาเด็กเป็นฟองน้ำก้อนหนึ่งแล้วเขาจะซึมซับเอาน้ำแบบไหนในขณะน้ำใสมีน้อยกว่าน้ำน้ำเสีย เด็กทุกวันนี้ขาดการทำความเข้าใจจากผู้ใหญ่  ไม่สน ใจ  ไม่เข้าใจจิตวิทยาพัฒนาการเด็ก  ถูกทิ้งขว้างด้วยผู้ใหญ่ไม่มีเวลา  จึงขาดความภูมิใจในตัวเอง  ไม่มีความหวัง  ก้าวร้าว  โทษคนอื่น  สถานพินิจคือปลายเหตุซึ่งแบกรับปัญหาสารพัดในขณะงบประมาณมีเพียงน้อยนิด

            คุณ เผดิม  เพ็ชรกูล ก็มองว่าปัญหาของเด็กส่วนมากมาจากครอบครัว  และตัวโครงสร้างของศาลเยาวชนและครอบครัวเองที่ทำให้ผู้ปฏิบัติงานไม่สามารถสั่งสมองค์ความรู้ให้ชำนาญใช้กับงานได้อย่างเต็มที่  มากกว่า ๙๕% ของเด็กและเยาวชนที่ทำความผิดมาจากครอบครัวที่มีปัญหา

            คุณ ปวีณา  หงสกุล  บอกว่าเด็กที่ทำความผิด เด็กที่ถูกกระทำทุกวันนี้อายุน้อยลงทุกที  เชื่อหรือไม่  เด็กที่ถูกข่มขืนอายุต่ำสุดแค่ ๔ เดือน  เป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง และมีแปลก ๆ ขึ้นทุกวัน  หลาย ๆ กรณีเอาตัวอย่างจากสื่อ จากละคร  เด็กผู้หญิงบางคนเป็นแม่เล้าเสียเอง  นักเรียนชายรุมโทรมนักเรียนหญิง  ขณะนักเรียนก็มีแก๊งรุมทำร้ายกัน  บางคนที่เป็นเด็กดี ครอบครัวเอาใจใส่ดี   และมีหน้าตาดี เรียนเก่งเลยโดนเขม่นจากรุ่นพี่   ถูกจับตัวมารุมจิกรุมทำร้ายปางตาย  สังคมมันเสื่อมโทรมขนาดนี้  ปัญหาทุกอย่างคืองบประมาณของทางราชการที่เข้าไปไม่ถึง  แผนพัฒนาแห่งชาติที่ผ่านมาพัฒนาระยะแรก ๆ เน้นแต่เศรษฐกิจไม่เน้นสังคม  ต่อไปแผนสิบเอ็ดต้องจริงใจ  พอเพียงและเพียงพอ

            คุณ ทิชา  ณ  นคร  ถามว่าเด็กพกเอาความก้าวร้าวมาจากท้องแม่หรืออย่างไร  ศาลคดีเด็กและเยาวชนตั้งมาตั้งแต่ ๒๔๙๕ เป็นต้นมา  จุดมุ่งหมายที่ตั้งมาเป็นการวินิจฉัยเด็กผิด  ผิดแม้แต่ระบบการศึกษา  เป็นความล้มเหลวของรัฐ  ครอบครัว  สังคม...ระบบการศึกษามัวแต่สรรหาเด็กเก่ง  บ้าเรียน  ไม่ยอมรับความหลากหลาย  อุดมการณ์ของโรงเรียนเป็นเหตุ  เด็กจำนวนมากกว่าเป็นผู้แพ้  ต้องมาเป็นลูกค้าของกรมพินิจ  เด็กมีแต่เรื่องราวที่เขาไม่ภาคภูมิใจ  ที่บ้าน  ที่โรงเรียน ที่วัด  มีที่ไหนให้เด็กยืนอยู่ได้อย่างภาคภูมิใจบ้างในประเทศไทย  การตีความเด็กอย่างถูกต้อง ชัดเจนจึงเป็นความจำเป็น  เด็ก ๆ ก็มีด้านสว่าง  เช่นเดียวกับพ่อแม่แต่เราค้นหาด้านนี้กันเจอหรือเปล่า   หรือไม่อยากค้นหา 

                      

            วิทยากรทุกท่านให้ข้อมูลที่ลึก และมากมายจนอยากให้ใคร ๆ ทุกคนในสังคมนี้ได้ร่วมรับฟัง  เพราะการเก็บความมาได้ก็ไม่หมดแน่นอน  สำหรับเอื้อยนางแล้ว  นับแต่เคยเข้าร่วมประชุม  อบรม เสวนามาก็ไม่น้อย  แต่ไม่เคยมีครั้งใดที่ให้ความรู้สึกปวดร้าวไปกับสังคมไทยในวันนี้  เชื่อว่าหลายคนก็คงได้เห็น  ได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นจากการดู การฟัง การอ่านจากสื่อต่าง ๆ กันอยู่แล้ว   แต่มีใครบ้างไหมที่ได้พินิจลงไปถึงสาเหตุ  ต้นตอของปัญหาทั้งปวง  จากอดีตที่เป็นอย่างนั้น  มาปัจจุบันที่เป็นอย่างนี้  แล้วอนาคตเล่าสังคมเราจะยืนอยู่ ณ จุดใด  หรือผู้ใหญ่ในบ้านในเมือง จะยังคงหลับหูหลับตากินๆ   โกงๆ  กัดๆ  กันอยู่อย่างนั้นต่อไป  โดยโยนภาระหน้าที่ให้ตำรวจ ศาล สถานพินิจไม่ยอมลืมตาขึ้นมามอง

            ฤานี่เป็นโอกาสที่เท่าเทียม ที่ทุกคนใฝ่หา

          ฤาว่าจะถึงกาลเวลาแล้ว สำหรับสังคมไทย

          อย่าลืมว่า  คนดี  คนเลว  คนจน  คนรวย ในทุกวินาที ณ ขณะนี้มีโอกาสโดนผลกระทบได้เท่าเทียมกัน

          ขอบคุณคณะวิทยากร  และสภาที่ปรึกษาฯที่ได้พยายามเขี่ยขี้ไต้ที่กำลังติดเกรอะกรังอยู่กับดวงไฟให้ค่อย ๆ ราแสงไปสู่ความมืดมิดกะพริบวิบวับขึ้นมาบ้าง

            แต่ก็นั่นแหละ ขึ้นอยู่กับการมองอย่างที่คุณ ทิชา ณ นครได้ว่าไว้

            และเอื้อยนางก็ว่า  ถ้ามุมมองอย่างข้อเสนอจากบางความเห็นในสังคมที่ว่า  ส่งไปภาคใต้เลยเด็กไม่ดีพวกนั้น    ข้าราชการไม่ดีส่งไปชายแดนอีสานเลย  ช่างน่าอัปยศและดูถูกคนจนไม่น่าให้อภัย  อะไรที่เน่าๆ โยนไปให้เขา  คิดหรือว่าคนใต้  คนชายแดนอีสานไม่มีหัวใจ    

๐๐๐๐๐

 

             

 

 

Tags : คืนสู่สังคม

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view