http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,023,538
Page Views16,333,121
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

พม่า..ไม่ไปไม่รู้ โดยเอื้อยนาง เรื่อง/ภาพ ตอน ๑. เพียงข้ามขุนเขา จากเจ้าพระยา ถึง อิรวดี

พม่า..ไม่ไปไม่รู้  โดยเอื้อยนาง เรื่อง/ภาพ ตอน ๑. เพียงข้ามขุนเขา  จากเจ้าพระยา ถึง อิรวดี

พม่า..ไม่ไปไม่รู้

                       “เอื้อยนาง”เรื่อง/ภาพ 

ตอน๑.  เพียงข้ามขุนเขา  จากเจ้าพระยา ถึง อิรวดี

                  เพราะประวัติศาสตร์ เพียงแต่บันทึกถึงความขัดแย้งและสงคราม  เราจึงรับรู้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศพม่าว่าเคยเป็นผู้รุกราน  จนมีถ้อยคำเรียกขานว่า “พม่าข้าศึก”  นอกจากนั้นยังมีท่าทีเหยียดหยามที่นักบันทึกประวัติศาสตร์สมัยก่อนของสยามที่มีต่อลาว เขมร ญวน พม่า แขก กระทั่งเจ๊กจีน  ทำให้ผู้เรียนรู้ตามตำราประวัติศาสตร์ชาติไทย(สยาม)ทั้งหลาย  มีสายตาต่อเพื่อนบ้านด้วยความหลงตนเองตลอดมา  โดยไม่เคยคิดจะมองในมุมกลับกันบ้างเลยว่าเป็นเช่นไร

                     

                                                        ลุ่มน้ำอิรวดีในวันฝนพรำ

               อย่างพม่านี้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เขาปิดประเทศ  เราคนไทยก็ได้ยิน  ได้รับรู้แต่ข่าวด้านลบซะมากกว่า  ทำให้เกิดกระหายใคร่ได้รู้ได้เห็นว่าเป็นเช่นนั้นละหรือ  แล้วคนเขาจะอยู่กันอย่างไรได้หนอ  ถึงไงความรับรู้ที่ว่ามีบรรพบุรุษชาวอยุธยาไม่น้อยที่ถูกกวาดต้อนไปในช่วงกรุงนั้นแตก  เลยทำให้ค้างคาใจอยากไปเยี่ยมเยือนอยู่ร่ำๆ ตลอดมา  เมื่อมีโอกาสรัฐบาลพม่าเปิดประตูประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว  จึงมีคนไทยทยอยหลั่งไหลเอาเงินไปใช้จ่ายในพม่าวันละไม่น้อยทีเดียว

                      

                                                  เปิดประตูสู่พม่าที่สนามบิน..เห็นสาวพม่านุ่งโสร่ง

               วันที่ ๗  ตุลาคม  ๒๕๕๓  เอื้อยนางก็จึงได้ติดกลุ่ม JM ทัวร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้บริหาร  เจ้าของสถานศึกษา และนักธุรกิจจากจังหวัดสมุทรปราการ  มีน้องชายตัวเอง รองวิทย์ เป็นผู้ประสานงาน ลัดฟ้าจากลุ่มเจ้าพระยา ไปกับ บางกอกแอร์เวย์ ถึง อิรวดีใช้เวลาเพียง ๕๐ นาทีเท่ากับไปอุบลราชธานีบ้านเกิดเท่านั้นเอง  นำโดยน้องปุ๋ยสาวไกด์(เอะ...หรือว่าหนุ่ม)ให้ความมั่นอกมั่นใจแก่ลูกทัวร์อีก ๓๐ ชีวิต  

                     

                                                     เณรน้อยมาบิณฑบาตรถึงที่..ให้ได้ทำบุญพระสงฆ์

มิงกะลาบา  :  สวัสดี......พม่า

               เพียงเครื่องแตะรันเวย์สนามบิน เราก็ได้รับการต้อนรับเย็นชื่นด้วยสายฝนที่โปรยปรายสร้างความหวั่นๆว่าจะถ่ายรูปเก็บไว้ไม่ได้ซะกระมังหนอ  แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่ดวงตะวันกับก้อนเมฆผลัดกันทำงาน  เมื่อเมฆพาฝนผ่านไปดวงตะวันก็ฉายแสงออกมาส่งยิ้มให้  เช่นกับใบหน้าหนุ่มติ๊ก ไกด์พม่าที่ประดับด้วยรอยยิ้มกุลีกุจอมาต้อนรับพร้อมรถบัสที่จะเป็นพาหนะพาท่องพม่าตลอด ๔ วัน ๓ คืนข้างหน้ามีหนุ่มอองจีเป็นคนขับ  และคนรถอีกคนชื่อ นโพควา คอยดูแลเอาใจใส่แม้ฝนตกก็บริการกางร่มให้ทุกคนยามออกเดินโดยไม่เคยแสดงความเบื่อหน่ายให้เห็น

                  

               โผล่ออกจากสนามบิน  ก็เห็นป้ายอันโตว่า  “พม่าแผ่นดินทอง”ยิ้มย่องต้อนรับอยู่ข้างหน้าเลยทีเดียว  เรายกกล้องขึ้นถ่ายรูปแม้ขณะรถพาผ่านไป  มุ่งสู่ย่างกุ้งซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณสิบกิโลเมตร

               ติ๊ก ไกด์หนุ่มผู้มีอัธยาศัยเล่าเรื่องราวของพม่า  ทั้งจากประวัติศาสตร์  และตำนานให้ฟังอย่างผู้ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเยี่ยม ใช้ภาษาไทยได้นุ่มนวลชวนฟังยิ่งกว่าคนไทยเจ้าของภาษาบางคนเสียอีก

        

                                                เจดีย์ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว

               ย่างกุ้งเคยเป็นเมืองหลวง  แต่ปัจจุบันเป็นเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว  เพราะเมืองหลวงย้ายไปอยู่เนปีดอเมื่อปี ๒๐๐๗ แล้ว  สถานที่ราชการที่สำคัญและกระทรวงต่าง ๆ ย้ายไป  แต่สถานทูต สถานกงสุลของประเทศต่าง ๆ ยังคงอยู่  ย่างกุ้งจึงยังคึกคัก  จุดท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ที่พาแขกไปไปชมมักเป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา  โดยเฉพาะพม่าได้ชื่อว่าเป็นทะเลแห่งเจดีย์งาม และยิ่งใหญ่  ชาวไทยที่มาส่วนมากจึงมีโปรแกรมให้ไปไหว้พระ ณ เจดีย์ต่างๆ 

                                         

                                                    พระเขี้ยวแก้วภายในมณฑปทรงแปดเหลี่ยมสวยงาม 

ไหว้พระเขี้ยวแก้ว

               สองจุดแรกก่อนอาหารกลางวันเราถูกนำไปไหว้พระเขี้ยวแก้ว และเจดีย์โลกเย็นซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองย่างกุ้ง

               พระเขี้ยวแก้วเป็นสิ่งศักดิ์สูงสุดอย่างหนึ่งที่ชาวพุทธต่างเคารพบูชา  ปัจจุบันมีอยู่ ๓ แห่งในโลกที่มีพระเขี้ยวแก้วประดิษฐานไว้ คือ ที่ศรีลังกา  จีน  และพม่าแห่งนี้  ซึ่งตามตำนานว่าได้มาจากศรีลังกาสมัยพระเจ้าบุเรงนองเป็นกษัตริย์พม่าได้ทรงไปขอเจ้าหญิงแห่งศรีลังกามาเป็นพระสนมเลยได้อัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากที่นั่น  และแห่แหนมาสู่พม่าโดยทางเรือ

                     

                                                               พระเขี้ยวแก้วใต้องค์เจดีย์

               รถจอดให้เราที่ประตูทางขึ้นสู่เจดีย์สูงเด่นเป็นสง่ามองเห็นแต่ไกลที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วเลยทีเดียว  ขณะฝนพรำผิวผล็อย  เราต้องเดินเท้าเปล่าตามที่หนุ่มติ๊กบอกเราแบบเล่นสำนวนด้วยสุภาษิตไทยว่า  “เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม”  ซึ่งที่จริงเขาอธิบายว่า  เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ(ไทยเองก็เคย) ที่ต้องถอดรองเท้าเพื่อให้ใกล้ชิดพระศาสนามากขึ้น และเป็นการเคารพสถานที่เพราะใต้ฐานเจดีย์แต่ละแห่งนั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย  บางแห่งจึงห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้าด้วย  ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด  ฝนพรำ พื้นเย็นก็เดินกันได้ด้วยใจ ศรัทธาแห่งแรงบุญ

                    

                                                    ดอกมหาหงส์ร้อยเป็นมาลัยบูชาพระ

มหาหงส์พวงพู่ห้อยร้อยเป็นสายนำไปไหว้พระ

            ดอกไม้ไหว้พระของพม่าเห็นแล้วชื่นชมอดถ่ายรูปมาให้ดูกันไม่ได้ค่ะ  ดูสวยแปลกและเป็นธรรมชาติ มีทั้งดอก(จั่น)หมาก มะพร้าว  ดอกบัวสายลิดกลีบนอกออกนำมาเสียบไม้  ข้าวตอกเสียบเรียงเป็นเส้นยาว และดอกไม้ ใบไม้ธรรมชาติมัดรวมเป็นช่อใหญ่ และที่เห็นบ่อยส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งบริเวณ คือ ดอกมหาหงส์นำมาร้อยเป็นพวงยาว  ซึ่งมหาหงส์พม่ามีทั้งสีขาว เหลืองนวล  และเหลืองอมชมพูกลิ่นหอมนุ่มนวลของมหาหงส์ให้ความรู้สึกเอิบอิ่มขณะไหว้พระ                  

                    

                                                  ไกด์ติ๊กว่า 2 ช่อ 500 จั๊ด แต่ซื้อทีไรช่อเดียว 500 จั๊ด

               ก่อนลงรถไกด์ติ๊กบอกทุกครั้งว่าซื้อดอกไม้ได้ที่หน้าประตู ๒ ช่อราคาห้าร้อยจั๊ต  แต่ทุกที่ก็ขายช่อเดียวห้าร้อยต่อไม่ได้

               อ้อ...เราแลกเงินบาทไว้ใช้จ่ายตั้งแต่อยู่บนรถ หนึ่งพันบาท แลกได้ สองหมื่นห้าพันจั๊ต  แบ๊งค์ย่อยของพม่านั้นเก่าจนเกรงใจเวลาหยิบจับค่ะ  กลัวจะผุเปื่อยคามือ

                        

                                               ดอกไม้ประดิษฐ์....นี่ก็ช่อละ 500 จั๊ดนะจ๊ะ

               ไหว้พระเขี้ยวแก้วแล้วไปไหว้เจดีย์โลกเย็น หรือ  กะบาร์เอเจดีย์ (Kabar  Aye  Zedi ) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินชื่อ Thiri Mannala Kabar Aye Hill   ทำบุญให้คน(ผู้มาขอ)  ทำบุญให้พระ(หยอดลงตู้)แล้วกลับขึ้นรถไปทานอาหารกลางที่ภัตตาคารริมน้ำกันก่อนจะเดินทางสู่เมืองสิเรียมช่วงบ่าย

ที่นี่ เริ่มเห็นสถาปัตยกรรมศิลปะพม่า ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่สูง

            

                                                      สถาปัตยกรรมศิลปะพม่า..วิหารที่เจดีย์โลกเย็น

 

 

 

Tags : พม่า..ไม่ไปไม่รู้ เอื้อยนาง OUTBOUND Travel

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view