พม่าไม่ไปไม่รู้ ๓
เทพ นัต ในพุทธสถาน
โดยเอื้อยนาง เรื่องและภาพ
ครั้งหนึ่ง เมื่อมีโอกาสไปชมสวนกล้วยไม้ใหญ่แถบนครปฐม เห็นมีกล้วยไม้ตัดไว้เตรียมแพ็คส่งมากมายให้แปลกใจจนอดถามไม่ได้ว่า “ส่งออกหรือ”
“ใช่ครับดอกไม้เหล่านี้ส่งไปพม่า”
“พม่า...”
“ใช่ พม่า หรือ เมียนม่าร์นั่นแหละครับ”
คำตอบนั้นให้ความรู้สึกฉงนเป็นอย่างยิ่ง สงสัยใคร่รู้ว่าพม่าสั่งดอกกล้วยไม้ไปทำไมมากมาย ก็ดูซีกองเทินเป็นภูเขาเลากาล้วนตัดมาใหม่ ๆ
“เขาเอาไปไหว้พระครับ”
ศาลนัตที่ยื่นล้ำออกสู่น่านนัำใกล้เจดีย์
ไม่แปลกใจเลยเมื่อได้มาพม่าจริง ๆ เพียงวันแรกที่ได้เข้าไปคารวะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพียงสามแห่งก็ได้เห็นแล้วว่าศรัทธาของคนที่นี่ต่อพุทธศาสนาเหนียวแน่นเพียงไร ดอกไม้แทบทุกชนิดดูเหมือนจะบินลอยมารวมใจกลางมหาสถานแห่งความศรัทธาแต่ละแห่ง ๆ ความศรัทธานี้ยังมีเทพนัต หรือ แนตอีกอย่างที่อยู่คู่ขนานไม่เคยผันแปรห่างหาย
พระพุทธรูปแสนงาม เจดีย์อร่ามเรือง คือเมืองพม่าละ
หากจะพูดถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์คงไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ในประวัติศาสตร์พม่าที่นำมาแห่งความชอกช้ำ และความล่มสลายทางวัฒนธรรมยิ่งไปกว่าการสูญ
เสียราชวงศ์ และสถาบันพุทธศาสนาให้แก่อังกฤษ-อินเดียได้อีกแล้ว แต่โดยธรรมชาติแห่งสังคมมนุษย์โลกแล้ว กี่อาณาจักรในโลกที่ล่มสลายไป หากแต่ประชาชนยังคงอยู่ จิตวิญญาณของผู้คนไม่เคยเสื่อมสูญไป จึงมีอาณาจักรใหม่ ๆ เกิดขึ้นเป็นยุค ๆ กาลเวลายังคงทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์
อย่างราชวงศ์สุดท้ายของพม่าที่วันนี้สูญสลายไปก็ยังมีรัฐทหารปกครองเป็นปึกแผ่น จิตวิญญาณและศรัทธาของปวงชนยังคงอยู่มอบไว้แด่สิ่งที่เหนืออำนาจทั้งปวงจะครอบคลุมไปถึง พระพุทธรูปแสนงาม เจดีย์อร่ามเรือง งามประเทืองเทพนัตยังยืนหยัดมั่นคงในศรัทธาตลอดมา
มุ่งสู่ศาลนัต
“นัต” หรือ “แนต” ในความหมายของชาวพม่าคือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แม้ไม่ถึงขั้นเทพแต่ก็เหนือกว่าภูตผีทั้งปวง เป็นความเชื่อเดิมที่มีมาก่อนพุทธศาสนา นัต คือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่พึ่ง ช่วยปกป้องคุ้มครอง อวยชัยให้พรแก่ผู้เคารพ กราบไหว้ บูชา มีการสร้างรูปเคารพแห่งนัตและศาลนัตอยู่ทั่วไป นัตผู้เป็นใหญ่ที่สุดคือ “มิงมหาคีรีนัต” สถิตอยู่ที่ภูเขาโปปาใกล้พุกามตั้งแต่อาณาจักรนั้นรุ่งเรือง และพุทธศาสนาที่แผ่เข้ามาในพม่าช่วงแรกก็คือนิกายตันตระซึ่งตีความหมายของคำสอนของพระพุทธองค์ไปถึงว่าการเสพสุรา และเมถุนเป็นหนทางสู่นิพพาน ในขณะที่อาณาจักรมอญซึ่งตอนนั้นมีศูนย์กลางอยู่ที่เมือง “สะเทิม” (สุธรรมวดี) พุทธศาสนานิกายเถรวาทกำลังรุ่งเรือง
นัตองค์หนึ่งที่เยเลพญา
ประมาณ พ.ศ. ๑๖๐๐ พระเจ้าอโนรธาแห่งพุกามได้ยกกองทัพไปตีเมืองสะเทิมของมอญ ชิงเอาคัมภีร์พระไตรปิฎกจากกษัตริย์มอญ ทำการสถาปนาพุทธศานานิกายเถรวาทขึ้นเป็นครั้งแรกในพุกาม ทรงให้ทำลายลัทธิบูชานัต ทำลายศาลนัตที่มีอยู่ทุกบ้าน จับคนทรงมาประหาร ยกเลิกประเพณีไหว้เทพนัตที่ภูเขาโปปา ลดบทบาทของนัตให้มาทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาแทน ตั้งท้าวสักกะ หรือ พระอินทร์ขึ้นเป็นหัวหน้านัตแทน มิงมหาคีรีนัต ย้ายนัตทั้งมวลมาไว้ที่หอนัตภายในบริเวณมหาเจดีย์ ชเวซิกอง นั่นเองเป็นเหตุให้เทพนัตกับพระพุทธศาสนาได้รับการนับถือคู่กันมาในหมู่ประชาชน มีการสร้างรูปปั้นแห่งนัต หิ้งนัตขึ้นไว้ประจำบ้านของตนเพื่อกราบไหว้คู่กับการไหว้พระพุทธซึ่งได้รับการนับถืออย่างสูง ทำให้งานศิลปกรรม สถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนาของพุกามเฟื่องฟู เพียงชั่วสองศตวรรษต่อมานครอันลือนามนี้ก็สะพรั่งไปด้วยสถูปเจดีย์สูงใหญ่ทั้งรูปทรงและขนาดนับจำนวนเป็นพัน ๆ มาจนถึงปัจจุบันแม้นครนั้นจะร้างไปแต่ยังคงมีซากเจดีย์โบราณสถานเหลืออยู่หลายพันแห่ง อิทธิพลศิลปะอินเดีย – มอญผสมผสานกับศิลปะท้องถิ่นกลายเป็นความโดดเด่นอลังการ เป็นมรดกอันน่าตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ได้มาเยือนยลเป็นผลพลอยได้ให้ลูกหลานรุ่นปัจจุบันมีรายได้จากผู้คนที่หลั่งไหลมาด้วยศรัทธา บริเวณโดยรอบเจดีย์แต่ละแห่งนอกจากวิหารแล้วจึงมักมีศาลที่สถิตแห่งนัตองค์ต่าง ๆ อยู่อย่างน้อยหนึ่งศาลให้ผู้คนได้กราบไหว้ขอพร
ดอกไม้หลายหลากไหว้ทั้งพระและนัต
ณ ที่เจดีย์เยเลพญา เจดีย์กลางน้ำแห่งเมืองสิเรียมที่คุณติ๊กพาลงเรือมาไหว้
วันนี้ นอกจากวิหารรอบ ๆ เจดีย์แล้ว ก็ยังมีศาลสร้างยื่นออกไปในน้ำ อีก
คือศาลพระอุปคุตปางจกบาตร และศาลเทพนัต ซึ่งเราอ่านภาษาพม่าไม่ออกจึงไม่รู้จักชื่อ เห็นแต่ชาวพม่ามากมายหลากหลายหน้าตา อายุ เข้ากราบไหว้ ดอกไม้ และตะกร้าเครื่องบูชาตั้งอยู่เรียงรายล้นหลาม
สาวพม่าพันธุ์แท้...?
๐๐๐