สิบสองปันนาหงส์ฟ้าพญามังกร
ตอน2. เขตปกครองตนเองชนชาติไท สิบสองปันนา
โดยอึ้งเข่งสุง-เรื่อง//ธงชัย เปาอินทร์-ภาพ
เมื่อเดินทางมาถึงเมืองสิบสองปันนา เย็นย่ำสนธยาพอดี หลังรับประทานอาหารค่ำแล้วก็เข้าพักผ่อนนอนห้องแอร์สบายๆ พอตื่นเช้าแล้วรีบลงไปรับประทานข้าวต้ม กาแฟ ชา ฯลฯ พอว่าอิ่มก็เดินเล่นชมเมืองทั่วไป สิ่งที่ได้เห็นยามเช้าเป็นหญิงวัยกลางคนสองคน สวมใส่เสื้อผ้าเหมือนกับผ้านุ่ง มุ่นมวยผมไว้บนศีรษะ กางร่ม(จอง)เดินตามกัน ผมยิ้มให้ก่อน คุณน้าทั้งสองก็ยิ้มตอบด้วยความน่ารัก ท่าทีน่าจะเดินไปตลาด
หญิงชาวไทลื้อ..สวมเสื้อผ้าชุดพื้นบ้านไทลื้อ
ผมเดินไปริมถนนหน้าโรงแรม ได้เห็นกลองยาวปักอยู่ตามไหล่ถนน อีกด้านเป็นเครื่องปั้นดินเผาขนาดใหญ่ ลวดลายเหมือนเครื่องปั้นดินเผาในเมืองไทย ผมเหลียวมองไปรอบๆตัวจึงได้เห็นว่า อาคารสิ่งก่อสร้างแม้ว่าจะเป็นตึกรามขนาดใหญ่ๆ หรืออาคารพานิชย์สูงลิ่วก็ตกแต่งด้วยหลังคาหน้าจั่วที่มีหัวหงส์เป็นจั่ว หรือไม่ก็มีนกยูงรำแพนหางอยู่กลางหน้าบันของจั่ว ซึ่งล้วนเป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่าไทลื้อทั้งสิ้น
โคมไฟประดับแบบกลองยาวและเครื่องปั้นดินเผาเหมือนบ้านเรา
อย่างว่า มาเที่ยวทั้งทีถ้าไม่ทำการบ้านมาเลยก็เชยตาย ผมจึงรู้ว่า ในมณฑลยูนนานหรือหยุนหนาน อันเป็นมณฑลใต้สุดของประเทศจีน มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาร์ และประเทศลาว มณฑลนี้แบ่งการปกครองออกเป็น 8 เมือง 8 เขตปกครองตนเองของชนเผ่า
เขตปกครองตนเองชนชาติไท สิบสองปันนา (Xishuangbanna) มีพื้นที่ 19,582.45 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน มีแม่น้ำโขงไหลผ่านกลางเมือง เหมือนว่าเป็นสายเลือดใหญ่ของชาวสิบสองปันนา ประชากรทั้งหมด 850,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าไทลื้อ รองลงไปเป็นชาวฮั่นหรือคนจีน ลำดับที่ 3 เป็นชนเผ่าอาข่าหรืออีก้อในบ้านเรา (อีก 9 ชนเผ่าได้แก่ ยี่ ลาหู่ ปะหล่อง จินัว อิ้วเมี่ยน(เย้า) ม้ง(มองโกล) ไป๋ หุย ว้า จ้วง และกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย รวมๆ ก็ 13 เผ่าหลักๆ)
แสงไฟในราตรีที่สิบสองปันนา ภาพวาดไทลื้อโบราณ
ด้วยเหตุนี้เอง ในเขตการปกครองตนเองชนชาติไท สิบสองปันนา ชาวไทลื้อจึงได้รับสิทธิพิเศษในการกำหนดแนวทางการปกครองตนเอง พูดง่ายๆ ประธานการปกครองเขต หรือผู้ว่าการเมือง สิบสองปันนา ต้องเป็นคนไทลื้อเท่านั้น นอกจากนั้นยังให้สิทธิพิเศษคือมีลูกได้ 2 คน ส่วนคนจีนนั้นให้มีได้เพียง 1 คน เท่านั้น และทางการส่งเสริมให้ชนเผ่าไทลื้อสร้างบ้านด้วยศิลปะและวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมเป็นบ้านชั้นเดียวใต้ถุนสูง รูปทรงหลังคาเอกลักษณ์เฉพาะ แม้แต่ในตัวเมืองตามหลังคาและลวดลายที่ใช้ตกแต่งอาคารสิ่งก่อสร้างก็ยังอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมชนเผ่าได้อย่างโดดเด่น
บ้านไทลื้อที่ทางราชการสนับสนุนให้อนุรักษ์ไว้(ช่วยออกเงินให้)
ส่วนวัฒนธรรมด้านเสื้อผ้าอาภรณ์ ทางการเน้นเลยว่าให้สถานที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือมัคคุเทศก์นำเที่ยวสวมใส่ชุดไทลื้อ หลากสีสันครับ สวยงามมาก ไม่ว่าหญิงที่แต่งจะเป็นชนเผ่าไทลื้อหรือไม่ก็ตาม ส่วนผมดำสลวยนั้นนิยมมุ่นเป็นมวยไว้บนศีรษะ ปักด้วยปิ่นหรือหวี ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่แถวๆเชียงราย เชียงใหม่ ยังไงก็ยังงั้นเชียว ดูแล้วไม่รู้สึกคิดถึงบ้าน ก็ที่นี่เหมือนว่ามาเยี่ยมบ้านญาติพี่น้องแท้ๆเชียว
ภาพปูนปั้นที่สื่อความหมายถึงคำว่า ชนเผ่าไท โดยแท้
นอกจากมีศิลปะวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตและความเชื่อเป็นของตนเองแล้ว ไทลื้อยังมีภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นของตนเอง(ในอดีต) ซึ่งพวกเราชาวไทยที่ไปท่องเที่ยวเมืองเชียงรุ้งจึงสามารถสื่อสารกันได้ด้วยภาษาเหนือ หรืออู้คำเมือง เพียงแต่ว่าภาษาผิดเพี้ยนกันไปบ้าง เช่น อีน้องคนงาม ของคนเมืองเหนือหมายถึงคนสวยคนงาม แต่คนไทลื้อเมืองเชียงรุ้งเขาบอกว่า อีนางตัวดี หมายถึงน้องนางคนสวย ส่วนผู้ชายรูปงามหรือหล่อเหลาเอาการ เขาก็เรียกว่า อ้ายบ่าวตัวดี ตรงนี้แหละที่แตกต่างกับบ้านเมืองเหนือของเรา ซึ่งถ้าว่าอ้ายบ่าวตั๋วดี ละก้อ อ้ายบ่าวคนนั้นดูท่าจะไม่ค่อยดีเสียมากกว่า
แม้แต่โรงแรมและเธค
เขตการปกครองตนเองชนชาติไท สิบสองปันนา มีเมืองหลวงชื่อในภาษาจีนว่าเมืองจิ่งหง(Jinghong) หรือสิบสองปันนา(Xishuangbanna) หรือที่คนไทยเรียกว่าเชียงรุ้ง หรือเชียงรุ่ง ว่ากันว่ามีประวัติศาสตร์มายาวนานมากๆ ถ้าจะกล่าวว่าเป็นอู่อารยะธรรมเก่าแก่ของชนเผ่าไทก็ว่าได้ ด้วยว่ามีเรื่องราวมากมายหลายตำนานที่กล่าวถึงเช่น ชนเผ่าไทลื้อ ไทอาหม ไทพวน ไทใหญ่ จนถึงเคยเป็นส่วนหนึ่งในอาณาจักรล้านนา
สิงห์ไทลื้อ มีรูปลักษณ์เหมืองสิงห์ตามหน้าโบสก์ในเชียงใหม่-เฃียงราย
ส่วนตำนานเมืองเชียงรุ้งเล่าสืบกันมาว่า กว่า 800 ปี มีอาณาจักรหนึ่งชื่อว่าอาณาจักรหอคำเชียงรุ้ง กษัตริย์พระองค์แรกทรงพระนามว่าพระเจ้าหอคำเชียงรุ้งที่ 1 (พญาเจือง) ปกครองแว่นแคว้นคนเผ่าไทลื้อในลุ่มแม่น้ำโขง หรือที่เรียกกันว่าแม่น้ำล้านช้าง ครั้นถึงสมัยพระเจ้าหอคำที่ 3 (ท้าวอ้ายปุง) อำนาจบารมีของราชวงศ์นี้เริ่มเสื่อมลงไป เกิดแตกแยกความสามัคคี แต่แล้วเมื่อถึงยุคสมัยของพระเจ้าหอคำเชียงรุ้งที่ 24 (ท้าวอินเมือง) ทรงพระปรีชาสมารถยิ่ง พระองค์ทรงขยายอาณาจักรหอคำเชียงรุ้งจนเป็นปึกแผ่นมากที่สุด ด้วยการแผ่อำนาจออกไปอย่างไพศาล
ศิลปะไทลื้อ เห็นอยู่ทั่วไปในสิบสองปันนา
พระเจ้าหอคำเชียงรุ้งที่ 24 ได้ขยายอาณาเขตเข้าไปยึดเมืองเชียงตุง เมืองแถน (เดียนเบียนฟู) วกลงมาจนถึงเมืองเชียงแสน เมืองล้านช้าง แล้วสั่งอพยพชาวไทลื้อจากเมืองเชียงรุ้งไปครอบครองดินแดน พร้อมๆกับตั้งเมืองปกครองแผ่นดินเหล่านั้นไว้ ทำให้ปัจจุบันนี้ยังมีชาวไทลื้อกระจัดกระจายไปทั่วทั้งเมืองแถน หัวเมืองทางเหนือของลาวทุกเมือง รัฐฉานของพม่า จนถึงเมืองเชียงตุง
คราวนี้ก็มาถึงความเกี่ยวพันกับอาณาจักรรัตนโกสินทร์เริ่มต้นเมื่อ พระพุทธยอดฟ้า รัชกาลที่ 1 (ทองด้วง) ได้ทรงช่วยพระเจ้ากาวีละปลดปล่อยเมืองเหนือออกจากการปกครองของพม่า จากนั้นจึงทรงบัญชาให้พระเจ้ากาวีละยกทัพไปตีเอาเมืองไทลื้อสิบสองปันนา(เชียงรุ้ง) ไทลื้อเมืองพน เมืองหย่วน เมืองล่า ไทขืนจากเชียงตุง ไทใหญ่จากตะวันออกของพม่า อันเป็นการเก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง แล้วให้ชาวไทลื้อเหล่านั้นไปอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา น่าน
(ดูภาพเขียนสีฝาผนังโบสก์วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน จะเห็นการแต่งกายของชาวไทลื้อชัดเจน หรือศิลปะไทลื้อที่วัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน)
ชา สินค้าของชาวฮั่นหรือคนจีน
ช่วงที่แผ่นดินสยามประเทศสูญเสียแผ่นดินก็เมื่อประเทศใหญ่ๆได้ออกล่าอาณานิคมกันทั่วเอเซีย เช่นสิบสองปันนาไปอยู่กับจีน เชียงตุงไปอยู่กับพม่า ส่วนลาว เขมร เวียดนาม ไปขึ้นอยู่กับฝรั่งเศส ประเทศสยามจึงเหลือพื้นที่เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นเอง อันเป็นช่วงการครองราชย์ของรัชกาลที่ 4-5 แห่งราชวงศ์จักรี
ส่วนเมืองสิบสองปันนาเมื่อตกไปอยู่ในปกครองของประเทศจีนแล้วนั้น ได้ถูกทางการจีนลดฐานะลงเป็นเพียงเมืองๆหนึ่ง ยกเลิกฐานันดรศักดิ์ของเจ้าราชวงศ์เชียงรุ้ง ซึ่งเคยมีเจ้าผู้ครองเมืองมานานถึง 45 พระองค์ ผู้สืบสายโลหิตของราชวงศ์นี้คือ ตระกูล แซ่เต๋า เศร้าฮิ !!
อาคารแบบไทลื้อริมฝั่งแม่น้ำโขง
เรื่องราวของเขตปกครองตนเองชนเผ่าไทลื้อ สิบสองปันนา ถ้าสืบค้นกันอย่างเข้มข้นก็อาจจะได้เรื่องราวมาเล่าสู่กันอ่านอีกมากมาย แต่ว่ามาท่องเที่ยวเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เล่าเรื่องสั้นๆ กันพอสังเขปก็แล้วกัน แต่เพื่อเป็นการเสริมใยเหล็กด้วยปากคำของคนไทลื้อที่มีตำแหน่งสูงในประเทศจีนสักนิด จะได้รู้ว่า ในความรู้สึกของท่านๆคิดเหมือนพวกเราคนไทยไหม
อ้ายคำ YAN HAN วุฒิสมาชิกรัฐสภาจีน และรองประธานหอการค้าสิบสองปันนา
อ้ายคำ วุฒิสมาชิกรัฐสภาและรองประธานหอการค้าสิบสองปันนา ชนเผ่าไทลื้อ ท่านพูดภาษาไทยได้อย่างชัดเจน ท่านเล่าว่า ไปเมืองไทยเหมือนไปบ้านพี่บ้านน้อง มีความรู้สึกว่าเหมือนได้ไปเยี่ยมญาติพี่น้อง และอบอุ่นใจที่ได้สัมผัสกับไมตรีและความเอื้ออารีย์ของชาวเชียงรายอย่างยิ่ง ท่านยังได้เล่าให้ฟังว่า แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากเมืองไทยไปสิบสองปันนาถึงปีละกว่า 80,000 คน และคนเชียงรุ้งก็เดินทางไปท่องเที่ยวเชียงใหม่และเชียงรายมากเช่นกัน
อาชีพของพี่น้องไทลื้อและคนสิบสองปันนา ส่วนใหญ่ปลูกชา กาแฟและยางพารา ยางพารานี่ปลูกกันมากถึง 5-6 หมื่นไร่ ส่วนสวนกล้วยที่เห็นอยู่ด้านหลังท่านนั้นเป็นกล้วยหอม ชาวสิบสองปันนาจะปลูกกันมาก แต่ปลูกเท่าไรก็ไม่พอให้คนจีนทั้งประเทศรับประทาน เพราะว่าปลูกได้เฉพาะสิบสองปันนานี่แหละ ไม่ได้ส่งออกเลย
ดูหน้าตาท่าทางของท่านแล้วก็รู้สึกได้ถึงความเป็นคนไท หรือคนไต อันน่าจะมีเชื้อสายใกล้เคียงกัน
แม่น้ำโขง หรือแม่น้ำลานชาง
แต่ถ้าท่านสนใจอยากไปท่องเที่ยว หรืออยากไปเยี่ยมเยียนพี่น้องถิ่นไทลื้อของเรา ก็ใช้บริการบริษัทนำเที่ยวดีที่สุด จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องการขอวีซ่าเข้าประเทศ การเดินทาง การกินอยู่หลับนอน และการสื่อสารที่อาจไม่เชี่ยวชาญชำนาญพอ ก็เหนื่อยเปล่าๆนะจ๊ะ
ในความเห็นผมแล้ว ผมชอบความสะดวกสบายหายกังวลครับ ขอบคุณ แม่โขง เดลต้า แทรเวล เอเยนซี่ www.Maekhongtravel.com Hotline โทร.086-0352235