ธูปฤาษี วัชพืชรกเรื้อเหลือกำลัง
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
พื้นที่ชุ่มน้ำไหนบ้างที่ไม่มีต้นธูปฤาษี มีทุกที่ก็ว่าได้ ส่วนจะมีมากน้อยขึ้นอยู่กับการกระจายพันธุ์ที่อาศัยแรงลมพัดพาไป ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไร มันกลายเป็นวัชพืชรกเรื้อที่ยากทำลายลง แต่ธูปฤาษีแม้ไม่ให้คุณนักก็ยังเป็นที่สร้างรวงรังของนกกระจาบทองแสนสวย ด้วยใบที่มีความยาวและบิดพริ้ว ดูเป็นลีลาน่าสนใจ นักจัดแจกันหรือกลุ่มทำดอกไม้ในงานพิธีการ หันมาใช้เจ้าวัชพืชไร้อนาคตต้นนี้กันแล้ว
สวยงามใช่ไหม
ธูปฤาษีมีชื่อเรียกหลายอย่างเช่น กกธูป กกช้าง หญ้าสลาบหลวง เฟือ ปรือ narrow leaved, cattail ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Typha angustifolia L. วงศ์ TYPHACEAE สถานะเป็นพืชล้มลุก เหง้าแข็ง ใบเดี่ยว แตกแบบสลับกันเป็นสองแถวด้านข้าง รูปแถบแบน ขนาดใบกว้าง 1-2 ซม.ยาว 2 เมตร ดอกออกเป็นช่อสีน้ำตาล แยกเพศบนก้านเดียวกัน ก้านช่อดอกเรียวแข็ง ยาวเกือบเท่าใบ ดอกเพศผู้อยู่เป็นกลุ่มหลวมๆ ที่ปลายช่อยาว 15-30 ซม. ดอกเพศเมียอยู่ด้านล่าง ดอกย่อยอัดแน่นเป็นทรงกระบอก ยาว 28 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ซม. รังไข่มีก้านยาวและขนสีขาวจำนวนมาก (องค์การสวนพฤกษศาสตร์ 2545)
ดอกธูปฤาษี รังนกกระจาบทอง
เดิมเป็นพืชล้มลุกของอเมริกา และยุโรป แต่ด้วยเมล็ดพันธุ์ที่เล็กและปลิวไปตามลมได้ง่ายมันจึงกระจายพันธุ์ไปอย่างกว้างขวาง มันมาถึงเมืองไทยเมื่อไรไม่มีใครศึกษา แต่มันแพร่ไปทั่วที่ลุ่มน้ำขัง หรือชายพรุ แม้ดูรกเรื้อแต่ลำต้นใต้ดินและรากกลับเป็นสมุนไพรขับปัสสาวะ หรือสกัดเป็นแป้งใช้กินได้ ใบก็นำมาเป็นเครื่องจักสาน หรือทำเชือก ที่น่าทึ่งมากคือในโรงแรมใหญ่ๆในกรุงเทพใช้ใบธูปฤาษี ตกแต่งกันแล้ว
เมล็ดเล็กมีปุยนุ่นลอยตามลมไปไกล ถ่ายมาจากบ้านพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์
อะไรที่เป็นโทษหรือเป็นพิษก็อาจมีประโยชน์ได้เช่นกัน มันอยู่ที่การพลิกโอกาสให้เป็นเท่านั้น เจ้านกกระจาบทองแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน เขาทำรังบนใบของต้นธูปฤาษี วางไข่ แล้วก็ฟักเป็นลูกนก แต่มันโชคร้ายที่มนุษย์ใจร้ายไปตัดจนลูกนกในรังต้องตายไปด้วยคมใบรถตัดหญ้าอย่างน่าอนาถใจนัก ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่ามีนกทำรังอยู่ คิดแล้วอยากเตะเจ้าคนสั่งการจริงๆเลย สั่งจากห้องแอร์ก็เป็นเสียอย่างนี้
นี่ไงเจ้านกกระจาบทองแสนสวย
ปล.เอกสารอ้างอิง พันธุ์ไม้น้ำในพื้นที่ชุ่มน้ำบึงบรเพ็ด กลุ่มงานวิชาการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่12 นครสวรรค์