พม่าไม่ไปไม่รู้ ๕
โดยเอื้อยนาง เรื่อง-ภาพ
การเวกในสายฝน จากคนถึงคนด้วยใจ
การเวกเป็นชื่อนก เป็นชื่อดอกไม้
ที่เป็นชื่อดอกไม้พอรู้ เพราะกทม.เขาปลูกเป็นซุ้มไว้มากมายริมถนนประชาอุทิศที่เดินผ่านอยู่ทุกวัน กลิ่นหอมของมันช่วยให้สดชื่นได้บ้างในท่ามกลางกลิ่นไออันครอบครองเป็นเจ้าที่ของคาร์บอนมอนนอกไซด์ แต่ที่เป็นนกนี่จะหน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่เคยเห็นหรอก(จริง ๆ นะ) แต่ช่างคุ้นเคยยิ่งกับชื่อของมันนักหนา เหตุเพราะเคยได้ยิน ได้อ่าน เรื่องราวของมันที่มีในตำนาน ในวรรณคดีไทย(และลาว)นั่นเอง ซึ่งล้วนเป็นเรื่องในจินตนาการ ว่ามันเป็นสัตว์ที่มีในป่าหิมพานต์ซึ่งก็เป็นป่าที่มีในจินตนาการอีก สัตว์ พืช สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในป่านั้นล้วนแปลกประหลาดพิสดาร
นกการเวก มีเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า การวิก เป็นนกที่มีเสียงไพเราะมาก ใครได้ยินเสียงของเจ้าการเวกแล้วจะหลงใหลได้ปลื้มเป็นที่สุด แม้แต่เสียงแคนที่แสนไพเราะที่เอื้อยนางเป็นแฟนมาแต่ไหน ๆ ก็มีตำนานว่าผู้ผลิตคิดทำแคนขึ้นมาเป่าแหล่นแจ่น ๆ ๆ ...นั้นก็บังเอิญเข้าป่าไปได้ยินเสียงนกกรวิกมา ได้ยินแล้วก็หลงใหลใฝ่ฝันอยากได้ยินอีกจึงเที่ยวหาอุปกรณ์มาทดลองทำจนได้เครื่องดนตรีที่ชื่อแคนออกมาแต่บัดนั้นแล
ครั้นไปพม่าครานี้กลับมีโปรแกรมจะไปกินข้าวในท้องการเวก
หา...อ๋อ... ฮ่วย... ที่แท้เป็นภัตตาคารที่เขาสร้างเป็นรูปนกการเวกสองตัวลอยคู่กันอยู่ในทะเลสาบหลวงกลางกรุงย่างกุ้งนี่เอง ซึ่งก็เป็นคล้ายสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวย่างกุ้งไปแล้วที่จะต้องพาทัวรีสต์ทั้งหลายมาเยือนกัน เป็นความภูมิอกภูมิใจ(และเต็มอกเต็มใจ)ของชาวไกด์พม่าที่ได้พาลูกทัวร์เข้ามากินข้าวกันที่นี่สักมื้อหนึ่งให้ได้
การท่องเที่ยวของพม่านั้นก็เปิดมาได้หลายปี กิจการก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ มีผู้อยากรู้อยากเห็นอันเนื่องมาจากข่าวคราวที่ปิด ๆ แง้ม ๆ กระตุ้นต่อมความอยากรู้ของมนุษย์นักท่องให้ต้องหาโอกาสมา แต่พม่าก็มีเส้นทางให้ไปเที่ยวกันได้ตามเส้นที่ขีดไว้แล้ว เราก็เลยคุ้นเคยกับชื่อสถานที่หลาย ๆ แห่ง รวมถึงภัตตาคารรูปเรือการเวกนี้ด้วย เมื่อเริ่มศึกษาข้อมูลก่อนการเดินทางก็เลยรู้ ๆ คุ้น ๆ ครั้นมาถึงรถวิ่งผ่านไปผ่านมาคุณติ๊กเธอก็ชี้ให้ดูและแนะนำจนคุ้นหูคุ้นตาครั้นจะมาจริง ๆ ก็เลยเฉยๆ
แต่ครั้นหิ้วท้องฝ่าสายฝน(หิวน่ะ ตลอดวันเดินทางตะรอนๆตามโปรแกรมจนมืดค่ำ)เข้ามานั่งในท้องของเจ้าการเวกก็แทบหายหิวไปเลย เพราะท่ามกลางสิ่งน่าสนใจ(รวมทั้งอาหารนั่นแหละ)ในสถานที่นั้นคุณเธอก็ประกาศเสียงเฉียบขาดโดยมีหนูปุ๋ยผสานให้หนักแน่นว่า “เราจะใช้เวลาที่นี่ไม่เกิน ๓๐ นาทีนะฮะ”
เธอให้เหตุผลว่าที่ต้องรีบ ๆ เพราะจะพาไปดูการแสดงของพม่าต่อที่โรงแรมที่พักอีกรายการหนึ่งแล้วค่อยเข้าห้องพักทั้งๆที่นี่ก็มีการแสดงศิลปะพม่าให้ดูอยู่แล้ว
เวลากระชั้นอย่างนั้นแทบไม่ได้นั่ง ดีแต่ว่าอาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ตามอัธยาศัยจึงได้รีบๆให้หายหิวแล้วค่อยมีแรงเดินกลับออกสู่ทางเข้าด้านหน้าเก็บภาพเพราะมีอะไร ๆ น่าสนใจพอ ๆ กับส่วนเวทีที่มีการแสดงหลากหลายลีลาพม่ารำ(ไม่เห็นมีรำขวาน) เพราะส่วนทางเข้านี้หลังจากหุบร่มส่งคืนแล้วมีการแสดงงานศิลปหัตกรรมและสินค้าของที่ระลึกจัดไว้ให้ชมและเลือกซื้อหาได้หากต้องการ
เดิน ๆ ดูเห็นมีที่น่าสนใจไม่น้อยกำลังจะควักตังซื้อกระเป๋าผ้ากำมะหยี่ที่ปักเลื่อมลายเถาลายดอกแพรวพราว ก็มีเสียงกระซิบว่า ใจเย็น ๆ เถอะของบางอย่างก็มีที่ตลาดที่จะไปในวันสุดท้ายก่อนกลับอยู่ ราคาก็ถูกกว่ากันเยอะ
ใช่...เลย นิสัยซื้อง่ายจ่ายเร็วนั้นเป็นนิสัยที่ขี้เหร่ควรใช้สติยับยั้งอยู่ เลยวางมือ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เมื่อได้ไปตลาดสก๊อตในอีกสองวันต่อมา ต้องขอบคุณเสียงกระซิบอยู่ในใจ(เพราะไม่รู้เสียงใครมาจนบัดนี้) คงเป็นเพราะหนังท้องตึง หนังตาเลยหย่อน ครั้นมาดูการแสดงที่ห้องอาหารในโรงแรมที่พักซึ่งแม้ไม่รีบร้อนแล้วแต่ก็ดูกร่อยไปเพราะความง่วงและเพลียมาทั้งวันทั้ง ๆ การแสดงของเขาล้วนน่าสนใจ
อีกอย่างที่ทำให้อารมณ์ข้องขัดเข้ามาครองก็เพราะมีอุบัติเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจเล็ก ๆ เกิดขึ้น ขณะเดินลิ่วจะเข้าไปดูการแสดงนั้นมีเสียง
เพล้ง!!...
เด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งยกถาดอาหารเดินตามหลังมาสะดุดอะไรบางอย่างถลาไปข้างหน้าเสียการทรงตัวจนถาดที่มีอาหารเต็นพูนตกลงสียงดังเพล้ง อาหารกระจายเต็มพื้น หวุดหวิดจะเอาหารนั้นมาอาบร่างเราตกใจ และเสียใจกับเขาจนใจแป้ว แต่ไม่ได้คิดว่าตนเป็นต้นเหตุ จนจุ๋มเล่าให้ฟังหลังจากขึ้นห้องนอนแล้ว
“พี่เดินเร็ว เขาหลบพี่น่ะ จุ๋มเดินตามหลังเห็นแล้ว แต่พี่ไม่รู้ตัว”
คำพูดนั้นทำให้รู้สึกผิดจนนอนไม่หลับ เป็นห่วงเด็กคนนั้น คิดไปต่าง ๆ นานา ได้ยินว่ากฎระเบียบของคนที่นี่เคร่งครัดนัก เขาอาจถูกทำโทษ อาจถูกพักงาน อาจถูกหักเงินเดือนที่น้อยนิดอยู่แล้ว เป็นบาปในใจอยู่ทั้งคืน แม้นอนหลับยังฝันประหลาดจนแม้ตื่นฝันนั้นยังเด่นชัดติดตาม
เช้าขึ้นในเวลาอาหารจึงไปเลียบ ๆ เคียง ๆ บังเอิญพนักงานที่นั่นมีคนไทด้วยจึงได้โอกาสถามถึงหาคนที่ทำถาดอาหารหล่นเมื่อคืนว่าเขามาทำงานไหม
“ช่วงเช้าเขาไม่มาค่ะ คงเป็นตอนเย็น”
ก็เลยเล่าให้เธอฟังว่า เหตุการณ์นั้นเราเป็นคนผิด ก็อยากขอโทษเขา อยากแสดงให้บอสของเขารู้ว่าเขาไม่ผิด
“ฉันจะบอกให้นะคะคุณพี่ไม่ต้องห่วงหรอก” สาวใหญ่จากนครปฐมที่มาทำงานในเครือโรงแรมนี้บอกอย่างใจดี แต่ยังไม่สบายใจอยู่ดีเพราะไม่มีหลักฐานอะไรจะไปแสดงถึงการรับผิดจากเราก็เลยควักตังพม่าออกมาใบใหญ่ใบหนึ่ง อาจแลกเป็นเงินไทยไม่ใหญ่นัก แต่ก็พอจะบอกถึงบอสเขาด้วยว่าเราเป็นคนผิดจริง ๆ
“ถ้างั้น... ฝากตังไว้ขอโทษเขาด้วยนะคะ”
เรายิ้มให้กันแล้วค่อยรู้สึกสบายใจขึ้น พร้อมจะลุยพม่าต่อไป
๐๐๐๐๐