http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 08/05/2024
สถิติผู้เข้าชม14,062,064
Page Views16,373,226
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

ประเพณีเฉลิมฉลองวันครบ 6 รอบ ที่วัดชนะสงคราม แต่..ไม่มีชัยชนะใด จะยิ่งใหญ่เท่าชนะใจตนเอง โดยป่าน ศรนารายณ์ -เรื่อง /ภาพ-ธงชัย เปาอินทร์

ประเพณีเฉลิมฉลองวันครบ 6 รอบ ที่วัดชนะสงคราม แต่..ไม่มีชัยชนะใด จะยิ่งใหญ่เท่าชนะใจตนเอง โดยป่าน ศรนารายณ์ -เรื่อง /ภาพ-ธงชัย เปาอินทร์

 ประเพณีเฉลิมฉลองวันครบ 6 รอบ ที่วัดชนะสงคราม

แต่..ไม่มีชัยชนะใด จะยิ่งใหญ่เท่าชนะใจตนเอง 

โดยป่าน ศรนารายณ์ -เรื่อง /ภาพ-ธงชัย เปาอินทร์

          จากประวัติวัดชนะสงคราม พบว่า เมื่อพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงสถาปนาพระบรมมหาราชวังฝั่งเมืองบางกอก ได้ทรงเห็นว่ามีวัดๆหนึ่งชื่อว่าวัดกลางนา อยู่ใกล้ๆ จึงทรงปฏิสังขรณ์ใหม่แล้วทรงเปลี่ยนเป็นชื่อวัดตองปุ (ก็เพื่อให้ใกล้เคียงกับวัดตองปุ ฝ่ายพระสงฆ์รามัญในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี)  ต่อมาเมื่อสมเด็จพระบรมราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท(นายบุญมา-พระมหามนตรี) ทรงรบชนะศึก 3 ครั้งติดต่อกัน จึงได้บูรณะวัดตองปุเสียครั้งใหญ่แล้วได้รับพระราชทานชื่อใหม่ให้เป็นอนุสรณ์การชนะสงครามดังกล่าว ว่าวัดชนะสงคราม 

           จนกลายเป็นประเพณีที่ข้าราชการทุกฝ่ายชอบมาทำบุญที่วัดชนะสงคราม เพื่อหวังว่าจะได้บุญบารมีให้ชนะศัตรูคู่แข่ง  วัดนี้เป็นต้นแบบการทำบุญเช่นทำนองนั้นจริงหรือ? 

                       พระประธานในโบสถ์                                             หอระฆังหง่างเหง่ง   

           มีเรื่องเล่าต่ออีกว่า การรบชนะศึกพม่าถึง 3 ครั้งนั้นคือ ครั้งที่หนึ่งเมื่อปีพ.ศ.2328 ได้แก่สงครามเก้าทัพ ครั้งที่สองเมื่อปีพ.ศ.2329 ได้แก่สงครามท่าดินแดง และครั้งที่สามเมมื่อปีพ.ศ.2330 ได้แก่สงครามนครลำปางป่าซาง เข้าทำนอง "รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม"   

                        

                                                   สมเด็จพระบรมมหาสุรสิงหนาท

           เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2553(เกิดจริง 23ธค.2481) ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ มีบรรดาญาติพี่น้องเพื่อนฝูงในแวดวงตระกูลเปาอินทร์ ทั้งพวกชาวกรุง(เดี๋ยวนี้มาปลูกบ้านอยู่กรุงเทพกันเยอะ)และพวกบ้านนอก(เหลืออยู่น้อยเต็มที) อันเป็นพื้นเพดั้งเดิมของอดีตนักเรียนนอก(อเมริกา)คนแรก  เป็นนายอำเภอ(สีชมพู จังหวัดขอนแก่น)คนแรกของตระกูล จนได้เป็นเจ้าเมือง (ผู้ว่าราชการจังหวัด) คนแรกและคนเดียว(ขณะนี้)ของตระกูลเปาอินทร์ แค่นั้นยังไม่พอ ได้เป็นสว.(วุฒิสมาชิกรัฐสภา)คนเดียวของตระกูลที่แปลกแตกต่างจนพูดได้ว่า ไม่ธรรมดา เพราะว่าเกิดอ่างทองแต่กลายเป็นเสือข้ามห้วยไปเป็น สว.ถึงจังหวัดสมุทรสาคร

                                          ท่าทางดูท่าจะอยู่อีกหลายรอบ

             เพื่อนๆญาติๆที่ล้อเล่นมาด้วยกันตั้งแต่ยังเป่ากบอยู่บ้านไผ่วงและเล่นเกมส์(ไพ่)ที่บ้านห้วยคันแหลน อำเภอวิเศษไชยชาญ(เมื่อก่อนร่อนชะไรใช้ไชยตัวนี้) จังหวัดอ่างทอง เติบโตแล้วเข้ามาเรียนหนังสือต่อกันในกรุงเทพมหานคร นอนวัดกันพักหนึ่ง ต่อมาเมื่อ น.พ.เลี้ยง เปาอินทร์ สร้างบ้านเทเวศน์บนที่ดินทรัพย์สิน

                                                    ความสุขที่ได้เห็นหน้ากัน..ก็ขำแทบตาย  

           พี่น้องจากท้องทุ่งก็มุ่งกันมาสิงสถิตอยู่ที่ "วังเทเวศน์"(ซอย 3) อันเป็นสำนวนของพวกเราเรียกขานกันจนเป็นที่เข้าใจ (ผิดสำหรับคนอื่น ที่คิดว่าพวกเปาอินทร์อยู่วัง..ฮา)

                                       รุ่นเดียวกันมั้งเนี้ย...ต้นเหตุกับปลายเหตุ ค่ายมวย ป.เปาอินทร์

           ซึ่งแท้ที่จริงเป็นเพียงบ้านไม้สองชั้นหลังใหญ่ขนาด 10x12 เมตร เพื่อนพ้องน้องพี่มาเรียนหนังสือ และนอนกันตั้งแต่ระเบียงข้างบันไดจนถึงทุกตารางนิ้ว พื้นที่นอนขึ้นอยู่กับว่าใครอาวุโสกว่า แบ่งแยกชนชั้นกันตามประเพณี  ใครไม่ตั้งใจเรียนก็จะดุด่าว่ากล่าวกันเป็นรุ่นๆ เช่นเดียวกับ เมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ จึงจะได้นั่งวงกินเหล้าได้ มีพระอาจารย์ใหญ่คอยสอนทุกรุ่น

                                    คุณน้า..น่ารัก  แต่หลานสาวคู่นี้...เหมือนมีเงาเจ๊เฮี้ยงสิงร่างอยู่

               เทเวศน์ซอย3 เป็นซอยกว้างขนาด 5 เมตร ทะลุไปออกซอยนายบรรหยัดได้อีกทางหนึ่ง (พวกเรียนนายร้อย จปร.จะเข้าออกทางซอยนี้ นอกนั้นไปออกปากซอย 3 เพื่อไปขึ้นรถเมล์แดงไปมหาวิทยาลัย) 

                                                            พี่น้องที่เคยอยู่ใกล้ๆกัน

             ในซอยยังมีตรอกให้เดินเข้าบ้านมีขนาดกว้างเพียง 1.20 เมตร มีเรื่องขำๆ เวลาเฮียเกี๊ยกเดินเข้ามาในตรอกนี้ทีไร ประชาชนคนตรอกนี้ต้องยืนเอียงๆพิงข้างฝาเหมือนระวังตรง เพื่อให้แกเดินผ่านไปได้ ด้วยว่าแกอ้วนที่สุดในซอย และในบ้านวังเทเวศน์ของทุกคน น่าจะหนักร้อยกว่ากิโลกรัม เดินผ่านไม่เดินเปล่า ถ้าเจอเด็กๆผู้ชายยืนอยู่ แกยังซุกซนตามประสาคนขี้เล่น เอามืออ้วนๆไปจับกะจู๋เหย้าแหย่เด็กเล่นเสียอีก เล่นเอาเด็กๆะสะดุ้งห่อตัวหลบทุกราย 

                                                    รอยยิ้มกว้างๆอย่างนี้ คือยาชูกำลัง

            วันนั้น เป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 6 รอบของเฮีย วิเชียร เปาอินทร์ (เบื่อเรียกท่านผู้ว่าและท่านวุฒิสมาชิก ปล่อยให้คนอื่นเขาเรียกกันไปเถอะ) ป่านสังเกตเห็นชาววังเทเวศน์มากันเกือบทุกคน เว้นก็แต่ ลุงจอม เฮียเกี๊ยก เฮียสมสิ่ง เฮียเจือ เฮียถ่อ(เล้ง) เฮียฮั๊ว ตาชิด ถ้ามาคงยุ่งกันทั้งวัด  อย่างไรก็ตาม วัดชนะสงครามแคบไปทีเดียว คนดีก็ครองใจตนและครองใจคนได้อย่างนี้แหละ

 

            การมาทำบุญที่วัดชนะสงครามวันนี้ ไม่มีทั้งข้าศึกและคู่แข่งในหน้าที่ราชการ หรือการเมืองใดๆ ไม่มีแม้กระทั่งคู่แข่งชีวิตรัก (พี่สะไภ้สมพิศเอาซะอยู่หมัดหงอยก๋อยไปเลยหรือเปล่า)  แต่ที่มาทำบุญวัดนี้ก็ด้วยว่า ชื่อดีมีชัยได้กำลังใจไปกว่าครึ่ง

                                                      เฮียศักดิ์และครอบครัวมาไกล..กลางดง

            ที่น่าจะทำให้เฮียวิเชียรมีความสุขและอายุยืนยาวไปอีกนานแสนนาน จะได้มาทำบุญครบรอบที่ 7-8-9 ก็ได้ (ไม่เชื่ออย่าลบหลู่) ก็ด้วยว่าได้พบหน้าค่าตาพี่น้องเพื่อนฝูงญาติสนิทมิตรสหายคนที่เคารพนับถือ หลานๆเหลนๆที่พากันมาตรึม เสียงพูดคุย กระเซ้าเหย้าแหย่กันเพรียก พร้อมเสียงด่าแบบกูรักมึงก็เพรียก

                                นี่รุ่นไหน...ท่านมงคล เปาอินทร์ ก็มา แต่หลานชาย..แสบแบบทิงเจอร์

              แม้แต่ เฮียมงคล เปาอินทร์ (อดีตผู้พิพากษาคนแรกของตระกูลสร้างชื่อเสียงเกียรติคุณไว้มาก) ซ่ากว่าใคร ใส่เสื้อผ้าไหมสีแดงควงอาซ้อละมุนมาได้อย่างกับวัยรุ่น(รุ่นแรกจองศาลาววัด) แค่นี้ก็ดีใจกันยังไม่พอ เฮียหมอเลี้ยงมาทั้งโคตร  เฮียนันท์พระอาจารย์ใหญ่(โรงเรียนสอนและฝึกกินเหล้าทน)เอย เฮียเกรียงศักดิ์ก็มาไกลถึงกลางดง(น้อยหน่า..ไม่ใช่กลางดงควันปืน) เฮียพลต.ต.ประจวบ เปาอินทร์ เจ้าของค่ายมวยรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นอย่างกับพระเอกลิเก พาโจลูกชายคนดังมาด้วย

        

                                     เฮียหมอเลี้ยงนำทึม...ฮึฮึ นี่แหละเจ้าพ่อวังเทเวศน์ตัวจริง

                      โจ..ขับรถมาให้ป๋า                                           นายพลวิมลชวนเจ๊ส่งมาไหว้พระ

            เจ๊เง็ก เจ๊งิ้ม เจ๊จริง เจ๊ฮุน เจ๊ย้ง เจ๊เจริญ อาซ้อ อาเฮีย ก็ยังมากันเป็นก๊กๆ จารนัยไม่หมด มันเยอะมากๆ ไม่เหมือนก็ใกล้คียงกับงานสังสรรค์ตระกูลเปาอินทร์ ทีเดียว

                               ประธานกกต.สิงห์บุรี..รี่เข้าไปหาบรรดาเจ๊ๆ..รุ่นกรุแตกลายงา..ที่เคารพ

             อย่าลืมวันเสาร์ที่ 22 มกราคม 2554 สังสรรค์ตระกูลเปาอินทร์ พี่น้องเปาอินทร์-ระยอง นำโดยสจ.คี้ สุรินทร์ เปาอินทร์ เพื่อสานสัมพันธ์รักญาติพี่น้องที่อยู่ห่างไกล ไปกันได้ตั้งแต่เช้าตรู่ ที่นอนก็จองไว้ให้แล้ว ที่กินมีเหลือเฟือ ปีต่อไปก็จัดเยี่ยมพี่น้องที่ วังน้ำเขียว นครราชสีมา เสียดีไหม? ที่นี่ก็มีพี่น้องลูกหลานไปอยู่กันเพียบ และก็สร้างชื่อเสียงไว้ดี

            เฮียเจี๊ยบจะมาร่วมด้วยก็บอกล่วงหน้าด้วยแล้วกัน

         www.thongthailand.com สายตายาวแล้ว..                            หนุ่มสาวของตระกูลเพียบ

                                         มากันทุกรุ่น.......ดู..แถมยังจะอยากรวยอีกนะนี่

            ร่ายยาวมาเสียตั้งนาน ก็ด้วยว่าดีใจที่ได้ไปเห็นความรักความสามัคคีของพี่น้องลูกหลานของตระกูลเปาอินทร์ ที่มีน้ำใจไมตรีต่อกันและกัน แล้วก็พลอยอายุจะยืนยาวไปด้วย แต่ก็จำได้เสมอว่า

            "ไม่มีชัยชนะใด จะยิ่งใหญ่เท่าชนะใจตนเอง" 

            "คนล้ม..อย่าข้าม แต่ถ้าต้นไม้ล้ม..ข้ามได้"

                                                      เหมือนงานสังสรรค์กันไหมล่ะ

          กิน นอน ออกกำลังกาย เอาใจใส่ตนเองและคนรอบข้าง แม้กระทั่งตัดต้นไม้ใบหญ้าหน้าบ้านให้เป็นประจำและถูกสุขลักษณะ ชีวิตจะปลอดภัยได้ฉลองครบรอบปีที่ 72 อย่างกับเฮียวิเชียร เปาอินทร์ ครบรอบปีที่ 82และ92 ก็มาตรวจสอบกันอีกครั้ง ใครอยู่ หรือใครไม่อยู่   หนีไปเที่ยวเสียแล้วหรือเปล่า เอ้าเฮ อายุยืนๆ ด้วยกันทุกคนนะพี่น้อง

  

 

 

        

          

Tags : ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อwww.thongthailand.com

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view