http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,000,450
Page Views16,309,136
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

762 โค้งม่งสู่เมืองปาย:จุดพักกลางทะเลภูเขา จ.แม่ฮ่องสอน โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

762 โค้งม่งสู่เมืองปาย:จุดพักกลางทะเลภูเขา จ.แม่ฮ่องสอน  โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

                       762 โค้งมุ่งสู่เมืองปาย:จุดพักกลางทะเลภูเขา จ.แม่ฮ่องสอน 

                                                                                 โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

            คืนหนึ่งที่เชียงใหม่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กดรับแล้วก็แปลกใจมากๆ เสียงหนุ่มน้อยชื่อเล่นว่าออมสิน(เข็มชาติ เปาอินทร์) เป็นคนโทรมา เหมือนจะรู้แล้วว่า ลุงอยู่เชียงใหม่ คุยกันจนได้ความว่า เขากำลังจะไปเมืองปายกับคณะที่ทำงาน บริษัททิพยประกันภัยจำกัด สาขาสมุทรปราการ   แต่ขับรถเก๋งมากับเพื่อนแค่ 2 คน ลุงอยากจะไปด้วยไหม ปัทโธ่ ถามมาได้ คนเขียนเรื่องท่องเที่ยว แต่ว่าแก่เสียแล้ว จะเช่ารถขับไปเองก็เสียว(ไม่มั่นใจ) ได้หลานชายจอมซ่ามาขับรถพาเที่ยว ดีใจเอ๋ยดีใจ"ไป"

                  บนเส้นทางคดเคี้ยว                                   ถนนกลางเมืองปาย 

           ออกจากเชียงใหม่ได้ก็บึ่งกันไปบนถนนสายเชียงใหม่-ฝาง กำหนดแผนสั้นๆว่า เป้าหมายที่หนึ่งจะแวะเยี่ยมหลานชาย นพ.สถาพร เปาอินทร์ อยู่ที่ร้านขายต้นไม้และคลืนิกสถาพร ก่อนถึงปากทางแยกซ้ายมือเพื่อเข้าไปถนน 1095 (ก่อนถึงแยกแม่มาลัย) หลังเยี่ยมหมอถาแล้วก็มุ่งสู่ เมืองปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ด้วยถนนจะมีสองช่องจราจรก็จริง โค้งก็หนักหนาอยู่ แต่ด้วยความเชี่ยวชาญการขับรถของออมสิน ทำให้โค้งหายไปกับฝีเท้าที่เหยียบแต่คันเร่ง

           762 โค้งเหยียบเบรคตอนที่จอดเพื่อแวะถ่ายรูปสะพานประวัติศาสตร์ข้ามแม่น้ำปาย ฮึฮึ

 

                                                       ออมสิน........ตีนผี

           เพียงรถวิ่งลงไปใกล้สะพานข้ามแม่น้ำปาย สิ่งที่ผมเห็นคือรถยนต์สารพัดชนิดจอดสองฝั่งถนนนับร้อยๆคัน ผู้คนที่ส่วนใหญ่เห็นได้ชัดเจนว่า เป็นนักท่องเที่ยวต่างถิ่น ส่วนใหญ่เลยเป็นคนกรุงเทพและชานเมือง(ดูทะเบียนรถ) กลุ่มไหนมากันแบบเพื่อนฝูง ถ่ายรูปทีหนึ่งก็เฮกันเป็นที่สนุกสนาน มีสีสันของการมาพักผ่อน  เดิมสะพานเหล็กเคยใช้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำปิงที่เชียงใหม่ ชื่อสะพานนวรัตน์ แต่เมื่อเปลี่ยนสะพานปูน ก็เลยย้ายสะพานนี้มาสร้างข้ามแม่น้ำปาย ดังอีกแหละ

           

                              สะพานนวรัตน์เชียงใหม่ของเก่าเอามาใช้ใหม่

             เมื่อก่อนร่อนชะไร สะพานนวรัตน์ดังมาก ด้วยว่าเวลาที่มีการเล่นน้ำสงกรานต์ในแม่น้ำปิง ก็จะมีนักท่องเที่ยวและชาวเชียงใหม่เดินรดน้ำดำหัวกันบนสะพานนี้ เมื่อลงไปในแม่ปิง ถ่ายรูปปั๊บก็ติดสะพานนวรัตน์ไปด้วย  เป็นจุดนัดพบหนุ่มสาว  เป็นสะพานที่ผ่านฉากหนังมากมายหลายเรื่อง  แม้วันนี้มาอยู่ไกลถึงแม่น้ำปาย กลางป่ากลางดงแท้ๆ ก็ยังดังระเบิดอีก ดวงสะพานมันจะดังมั้งเนี่ย  

                           สงกรานต์ในอดีตกับสะพานนวรัตน์ทอดข้ามแม่น้ำปิง(ภาพจากฟอเวิร์ดเมล)      

            มีฝ่าเท้าที่ก้าวผ่านวันละเท่าไร ปีละเท่าไร ตั้งแต่วันเปิดสะพานจนถึงปิดแล้วย้ายไปเมืองปาย สะพานนี้รับใช้มายาวนาน ช่างน่าฉงนไหม ยังทดทานอยู่ได้ แหม..หนาพอๆกับนักการเมืองฝ่ายรัฐบา(ลวันนี้)ของประเทศไทยจริงๆ  

                      สะพานดัง                                      เต็นท์ริมฝั่งแม่น้ำปาย

           สองฝั่งแม่น้ำปายช่วงนี้เป็นที่ราบ  ฝั่งหนึ่งเป็นนาข้าว หลังนาข้าวเป็นเต็นท์กางเรียงรายอยู่หลายเต็นท์  อีกฝั่งหนึ่งเป็นที่ราบ แต่ไม่ได้ทำนา มีร่องรอยปาดที่ดินให้เรียบเพื่อรอการมาเช่าพื้นที่กางเต็นท์นอนริมน้ำ  เป็นบรรยากาศริมน้ำริมทุ่งนาเขียวขจี  ผมยืนกวาดสายตาไปรอบๆจึงเห็นว่าอยู่กลางหุบเขากว้างๆ แต่ท่าจะสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางไม่น้อย  

            ตะวันโรยแสงอ่อนลง  ท้องทุ่งสีสดใสให้อารมณ์สุนทรีแก่นักเดินทางจากแดนไกล สายน้ำไหลลัดเลาะไปตามโขดหิน กระทบกับแสงอาทิตย์แวววาว

           

                                    ริมทุ่งนาเขียวขจีมีเต็นท์ให้เช่านอน

             ออมสินเดินมาที่รถยนต์ แล้วเตรียมพร้อมขับ ผมนั่งด้านหน้า มองเห็นทัศนียภาพเมืองปายได้ถนัดตา  รถวิ่งข้ามสะพานไปไกลพอควร มีรถนักท่องเที่ยวจอดตามร้านกาแฟ  ร้านขนม  และซ้ายมือเป็นชิงช้าแบบอีก้อแต่ทำเสียดูแข็งแรงกำลังถูกใช้งาน  ขวามือมีร้านกาแฟดังอยู่ร้านหนึ่ง ไอเดียกระฉูด เขาทำป้ายสีสันชวนมอง กลายเป็นจุดที่นักท่องเดที่ยวลงไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และมีหลักกิโลเมตรขนาดยักษ์ ให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกเหมือนกัน 

                       โล้ชิงช้า                                            ไอเดียแจ่มๆ

             ออมสินขับตระเวณไปหาที่พักแรมทางให้ผม  เป็นบังกาโลมุงด้วยหญ้าคา เรียงรายอยู่ใกล้น้ำจำนวนหลายสิบหลัง  แต่กว่าจะขับรถเข้ามาถึงก็ต้องบุกทางดินมาทีละนิดๆ เพราะว่ารถเก๋งออมสินเตี้ยไปนิด  ผมเดินไปรอการเช็คห้องว่าว่างหรือเปล่าที่หน้าบังกาโลซึ่งติดแม่น้ำปาย  มีระเบียงโล่งๆ ใช้หมอนขิดเรียงบนเสื่อ มีฝรั่งเอนนอนอ่านหนังสือกลางแจ้งอยู่สองสามคน บรรยากาศบ้านๆเรานี่แหละ แต่ฝรั่งคลั่งไคล้กันจริงๆจังๆ 

             

                                         ไอเดีย..ดีดี..เก๋ๆ

             "ลุง ผมเคยมานอน ข้างนอกดูเห่ยๆ แต่ข้างในห้องฟูกหนาเป็นศอก สะอาดดีครับ" ออมสินเล่าให้ฟังค่อยๆ 

             "ออมสินมาเที่ยวเมืองปายบ่อย ถึงสิบครั้งหรือยัง" ผมถามหลานชายนักเที่ยว

             "ไม่ถึงก็ใกล้เคียง น่าจะครั้งนี้เที่ยวที่แปดครับ" ออมสินตอบ แล้วมองหน้าผมนิ่งๆ  ผมหันไปมองสายน้ำปายที่ยังไหลเอื่อยๆ มีแพไม้ไผ่ลอยผ่านมา คนไทยถ่ออยู่คนเดียว 

             "ส่วนใหญ่ผมไปหมู่บ้านปกาเกอะญอ(กระเหรี่ยง) สุดทางตันบ้านวัดจันทร์ครับ มาปายก็แค่หาซื้อเสบียงกรังแล้วก็ขนเข้าไป ชอบอยู่แบบชาวบ้านๆครับลุง"

                  ระเบียงเคียงน้ำปาย                                    บังกาโลมีทั่วไป       

             ผมฟังออมสินแล้วเกิดความสนใจ นึกในใจ เห็นท่าจะจริงที่เขาชอบป่าเขา ท่าจะต้องไปพิสูจน์ทราบสักวันหนึ่ง  

              "ไม่ว่างเลยครับ" พนักงานเดินเข้ามากระซิบ สองลุงหลานก็เลยต้องขับรถออกไปหาในตัวเมืองปาย ซึ่งมีป้ายบอกหลายหลัง เต็มครับบ้าง  ว่างครับผม  

               ผมลงที่เรือนหลังหนึ่ง ได้ที่นอนแล้วก็ปล่อยให้หลานกับเพื่อนไปรวมกลุ่มกับพนักงานของบริษัทดังกล่าว  เรามันต่างวัยกันเกินไป ขืนไปถ่วงเอาไว้เกรงใจเด็กเปล่าๆ                 

                  ดนตรีเพื่อชีวิต                                        เปิดท้ายขายเพื่อชีวิต

               ค่ำคืนนั้นผมปล่อยแก่อยู่เดียวดาย  แต่งตัวตามสบายสะพายกล้องและเป้ใส่หลัง เดินออกไปเที่ยวถนนคนเดิน เผื่อจะมีสีสันให้เก็บภาพไปใช้งานบ้าง  ผู้คนมาจากไหนมากมายจนแทบจะไหล  ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มๆสาวๆ  แต่งตัวกลัวหนาวกันอยู่บ้าง แต่ก็มีที่ท่าจะชาชินกับอากาศเย็นๆ ใส่เพียงเสื้อกล้าม เสือคอกลมบางๆ มีร้านขายอาหารและเสื้อผ้าจิปาถะ ของกินแปลกๆก็มีหลายอย่าง  ก็ต้องถือว่าโชคดีที่มาโดยไม่มีข้อมูลเลย แต่กลับได้บรรยากาศสบายๆ 

                       

                                         ศิลปินเพื่อชีวิต..รวมชาติ

              หน้าทางเข้างาน มีนักดนตรีกลุ่มหนึ่ง ฝรั่งผสมคนไทย นั่งกับพื้นถนน เล่นเพลงคล้ายๆเพลงจำพวกเพื่อชีวิต  แต่ละคนดูแล้วว่าผมเผ้ายาวรุงรัง  ผมนึกในใจ "ศิลปิน" ผมเดินดูโน่นดูนี่ไปตามประสาคนแก่ แต่แฝงเร้นด้วยความสนใจเป็นกรณีพิเศษ ด้วยว่าอยากได้เรื่องราวไปเขียนเล่าให้แฟนๆทองไทยแลนด์ได้เห็นภาพและได้อ่านกัน 

              เดี๋ยวจะหาว่ามีดีแล้วไม่นำมาอวดกันบ้างเลย 

             

              เดินไปได้พักเดียวชักหิว มองซ้ายขวาแล้วก็ยังไม่ถูกใจ เดินไปอีกนิดพบสาวตาน้ำข้าวเดี่ยวดนตรีอยู่คนเดียว เป็นกีท่าร์โปร่ง เธอใส่กระโปรงบานแบบพลิ้วๆ ลวดลายมากนิด แต่หน้าตาท่าทางดี  มีคนหย่อนเงินให้ในกล่องที่วางไว้ เขาเรียกนักดนตรีประเภทนี้ว่า "นักดนตรีเปิดหมวก" ไม่ใช่ขอทาน ละม้ายคล้ายคลึง "วณิพก" เอาเป็นว่า ถ้าไม่ใช่ก็ใกล้เคียงก็แล้วกันเน๊าะ 

              ผมกดชัตเตอร์ เธอส่งยิ้มให้นิดหนึ่ง ผมเดินเลยไปหาข้าวค่ำกิน เป็นร้านก๋วยเตี๋ยว แต่ผมสั่งก๋วยจั๊บ ซึ่งก็เป็นแขนงหนึ่งของก๋วยเตี๋ยว 

                    ศิลปินเปิดหมวก                                   ศิลปินภาพเขียนสีน้ำ

             ผมเดินออกจากร้านก๋วยจั๊บ ก็เดินไปเรื่อยๆ ดูจะเป็นวงรอบตัวเมืองปาย  มีร้านรวงขายสินค้าและอาหารการกินไปทั่ว  นักท่องเที่ยวที่เดินๆกันนั้นส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวต่างถิ่น  ฝรั่งมังค่านั่งดื่มกินอยู่ในร้านอาหารที่มีอยู่ทั่วไป  เป็นบรรยากาศเหมือนถนนข้าวสาร หรือเกาะเสม็ด หรือพัทยา แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นมี "รูดเสา" หรือ "เต้นอะโกโก้"  ผมเดินไปก็คิดไปด้วยว่า เมืองปายไทยก็บุกฝรั่งอีกแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่า ฝรั่งจะหนีไปที่ไหนอีก

                 ขบวนแห่สร้างสีสัน                          ขายดีมากๆขนมแปลกๆของท้องถิ่น

             ถ้าถามว่าบรรยากาศเมืองปายเป็นอย่างไร ก็ต้องขอตอบตามตรงว่า รู้ไม่มากนัก แต่เท่าที่เห็นและมันเป็นไปก็คือ เดิมเป็นหมู่บ้านกลางป่าเขาลำเนาไพร  เบื้องหลังว่าเคยเป็นเมืองเก่าแก่ของทั้งชาวล้านนาและชาวพม่า  แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เปลี่ยนไป ซึ่งเรื่องประวัติเมืองปายนั้นช่างมีเรื่องยืดยาว เห็นท่าจะไม่วิเคาระห์และศึกษาแบบรายงานอาจารย์แน่นอน ด้วยว่าเมืองปายวันนี้ได้เปลี่ยนสภาพจากเมืองที่เคยเป็นจุดพักกลางทางระหว่างเมืองเชียงใหม่กับเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นเมืองท่องเที่ยวโด่งดังไปทั่วโลก

                ศิลปินขลุ่ยคนดัง                                      อินเทอร์เนทมีทั่วไป

              ชาวบ้านที่เมืองปายมีหลายเผ่าพันธุ์ พม่า ปะหล่อง ไทยใหญ่ ไทลื้อล้านนา ปกาเกอะญอ ลาฮู ลีซอ  เมี่ยน ม้ง ฯลฯ สร้างบ้านเรือนกันอยู่ตามวัฒนธรรมของแต่ละชนเผ่า  หลังคาเดิมๆหรือคนจนๆก็มุงด้วยใบตองตึง(ใบต้นพลวงหรือต้นตองตึง) กลัดด้วยตอกที่จักจากไม้ไผ่  กันแดดกันฝนได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับองศาของหลังคาว่าจะเอียงเท่าไรด้วย อาหารการกินก็อาศัยเก็บหาจากป่าเขาลำเนาไพรซึ่งมีอยู่รายรอบเมืองปาย 

              วัฒนธรรมด้านเครื่องนุ่งห่มก็มีความแตกต่างไปตามเผ่าพันธุ์ของแต่ละชนเผ่า  ว่ากันตามจริง ถ้ามีการแสดงวัฒนธรรมด้านเครื่องนุ่งห่ม ก็คงจะเป็นสีสันที่งดงามมาก มีความแตกต่างอย่างมีมิติ  เรียกว่า แม้ไม่ขายธรรมชาติก็สามารถขายวัฒนธรรมด้านต่างๆได้ หากได้ประกอบกับเครื่องดีดสีตีเป่าด้วยก็ยิ่งจะเพิ่มความสวยงามได้มาก  

             

                                            สถูปเจดีย์หลังโบสถ์วัดน้ำฮู

               แต่วันนี้ ผมเดินทางไปท่องเที่ยวตามรายการที่นิยมกันเมื่อมาเมืองปายครับ เช่นไปกราบไหว้พระและสถูปเจดีย์ที่เชื่อกันว่าเป็นสถูปบรรจุอัฐิของพระพี่นางสุพรรณกัลยา ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่วัดน้ำฮู(ไทยใหญ่) ไปแล้วก็ต้องยอมรับว่า มีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด เมื่อไปถึงแล้วก็ต้องไปกราบไหว้ทุกจุดเช่น พระประธานในโบสถ์  รูปปั้นพระพี่นางในศาลากลางน้ำหน้าวัด และสถูปเจดีย์หลังโบสถ์ มีร้านเพิงเก๋ๆให้เดินไปซื้อหาเครื่องดื่มและของฝาก 

                        

                                          ศาลพระพี่นางสุพรรณกัลยา

               รอบๆตัวเมืองปาย ทุกซอกที่มีถนนตัดผ่าน ได้กลายเป็นรีสอร์ทหรู   บังกาโลทั่วไป  โฮมสเตย์  เกสท์เฮ้าส์ บ้านแบ่งให้เช่าห้องนอน  ลานกางเต็นท์  กิจการทัวร์ประเภทวันเดียว ล่องแพ  ไหว้พระ เที่ยวอาบน้ำแร่ร้อนๆ  ขี่ช้างทัวร์  กิน ดื่ม  เที่ยว  นั่งฟังเพลง  มีทุกกิจกรรมของเมืองปาย ไม่ไปไม่รู้จริงๆ  ส่วนท่านที่สนใจไปเองแบบไม่เหนื่อยก็นั่งรถตู้ รถบัสเล็ก และรถเมล์ประจำทาง  แต่ถ้าเหมารถคู้จากเชียงใหม่ไปสะดวกทีเดียว ไม่เหนื่อยมากนัก

                   

                                           นักท่องเที่ยวเดินกันทั่วไป

               แท้ที่จริงระหว่างการเดินทางบนเส้นนี้ มีสถานที่สวยงามและน่าท่องเที่ยวมากมายหลายแบบให้เลือก  แต่ก็เป็นการยากที่จะท่องเที่ยวจนครบทุกที่ นอกจากตั้งเป้าเอาไว้เลยว่า ปีนี้จะไปไหน ปีต่อไปจะไปแหล่งใด  เช่นออกจากแม่แตง ก็มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายอาทิเช่น โป่งเดือดป่าแป๋  นอนรอชมทะเลหมอกที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง  หรือจะเข้าไปเที่ยวธรรมชาติบ้านชาวเขาที่บ้านวัดจันทร์ พูดได้เลยว่าถ้ามัวเที่ยวตารายทางละก้อ ไปไม่ถึงเมืองปายในวันเดียวแน่ๆ 

                      

                                       โคมลอย ได้รับความนิยมมาก

              ผมไปเที่ยวกับออมสิน แล้ววันรุ่งขึ้นผมก็แยกตัวเดินทางกลับมาเชียงใหม่ด้วยรถตู้ประจำทาง พนักงานขับรถเชี่ยวชาญโค้งมากๆ ไม่แตะเบรคเลยเหมือนกัน วิ่งมาได้สักครึ่งทางก็จอดให้กินอาหารกลางวัน เข้าห้องสุขา ซื้อของฝาก แล้วก็บึ่งเต็มที่ ถึงเชียงใหม่ในเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาทีเศษๆ ผมเดินทางกลับกรุงเทพด้วยสายการบินไทย แต่ไม่วายนึกถึงเหตุการณ์เมื่อดึกดื่คืนนั้นไม่ได้

              "ลุงครับ ผมออมสิน ลุงนอนหรือยัง ว้านอนแล้วหรือครับ นึกว่าจะมาชวนลุงไปนั่งดริ่งค์สักหน่อย" เสียงออมสินแจ้วๆผ่านหูโทรศัพท์มือถือ

              "จะนอนแล้ว ขอบใจ" แต่นึกในใจ ออมสินเอ๋ย ถ้าเป็นเมื่อลุงยังไม่แก่ละก้อ เอ็งไม่ได้หลับได้นอนแน่ๆ  ลุงคอแข็งขนาดนั่ง 3 วัน 3 คืนได้ก็แล้วกัน แต่ชั่วโมงนี้ขอยอม"

                    

                                                 นี่แหละใบตองตึง

              อย่างไรก็ดี แม้ไปเที่ยวเมืองปายคราวนี้ จะได้ข้อมูลแบบตามองเห็น หูได้ยินมา ก็ขอเล่าให้อ่านกันเพียงนี้ครับ ความหวังยังมี ผมอาจจะได้ติดสอยห้อยตามออมสินไปบ้านปกาเกอะญอสุดป่าเขาลำเนาไพรที่บ้านวัดจันทร์ก็ได้ ไปแล้วจะกลับมาเล่าเรื่อง เชวาตัวสุดท้ายให้ฟอ่านมันๆ พร้อมหลักฐานเป็นรูปถ่ายสาวปกาเกอะญอที่ใสบริสุทธิ์อยู่กลางพงไพร

              ไม่เชื่อลุงก็ขอให้เชื่อออมสินเถอะ เพราะว่าเขาคือความหวัง                 

 

                   

                                           ริมถนนมีคนลงไปถ่ายรูป

 

            

Tags : ท่องเที่ยวทั่วถิ่นไทย Travel Pai MaeHongson thailand สีสันริมทาง

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view