”สุรชัย ขันอาสา”
อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนคนใหม่
ตั้งเป้าลุย “โอท้อป”แบบเข้มข้น
โดย ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง เรื่อง-ภาพ
เพิ่งนั่งเก้าอี้อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนคนใหม่ยังไม่ถึงสองเดือน สำหรับ”ท่านสุรชัย ขันอาสา” อดีตรักษาการอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น หลังจากที่”ท่านวิเชียร ชวลิต” อดีตอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้รับการแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ อย่างไรก็ตามแม้เพิ่งจะมารับตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนได้ไม่นาน แต่ท่านผู้นี้ก็คลุกคลีอยู่กับงานสินต้าโอท็อปมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเคยอยู่ในต่างจังหวัดมาก่อน ซึ่งเป็นงานที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัด
นอกจากจะลุยงานโอท็อปมาอย่างโชกโชนแล้ว ท่านสุรชัยยังเป็นแฟนของโอท้อปตัวจริงด้วย เพราะใข้ผลิตภัณฑ์ของโอท้อปหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นยาสีฟันหรือยาสระผม
มาฟังกันว่าอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนท่านนี้ จะมีนโยบายขับเคลื่อนสินค้าโอท็อปไปในทิศทางใด
Ooมุมมองโอท้อป
ผมรู้จักโอท็อปเมื่อสมัยผมเป็นนายอำเภอช่วงรัฐบาลโน้น(พ.ต.ท.ทักณิฯ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี) ที่ให้เริ่มโครงการโอท้อป จนมาถึงปัจจุบันหลังสุดที่มาสัมผัสโอท้อปมาก ๆ ตอนที่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เหตุที่ตอนนั้นสนใจเพราะว่ามันน่าท้าทายว่าทำไมนโยบายนี้อยู่ได้แม้จะเปลี่ยนรัฐบาลมา 2 – 3 รัฐบาล ของดีจริงต่อให้การเมืองเปลี่ยน โดยเฉพาะเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ อะไรก็แล้วแต่ที่รัฐบาลก่อนเคยทำรัฐบาลใหม่มายกเลิกมันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็มีโอท้อปนี่แหละที่รัฐบาลไหนมาก็ทำต่อเนื่องกันเลย
โอท้อปเป็นผลิตภัณฑ์ คำว่าผลิตภัณฑ์บางตัวอาจจะเป็นสินค้าบางตัวอาจจะเป็นบริการที่เกิดจากทรัพยากรในชุมชนแล้วก็เกิดจากคนในชุมชนเอาภูมิปัญญาของตัวเองเข้ามาทำเป็นผลิตภัณฑ์ออกมา
00เป็นไปตามแนวพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ที่ผมสนใจคือตอนอยู่สมุทรปราการ ผมเชื่อแต่แรกว่าผลิตภัณฑ์โอท้อปต้องเกิดอยู่ในจังหวัดที่มีภูมิปัญญาท้องถิ่น มีความเป็นมาของชุมชน แต่สมุทรปราการเป็นเมืองที่คนอพยพเข้ามาทำงาน ร้อยพ่อพันแม่ผมคิดว่าไม่น่ามีโอท้อป แต่พอมาอยู่กลับกลายเป็นมีโอท้อป 5 ดาวเยอะ แล้วเป็นโอท้อปที่สร้างรายได้ให้กับประชาชนในชุมชน
นอกจากนี้ยังได้เห็นว่าโอท้อปเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะในหลวงท่านพระราชทานอะไรพระองค์ท่านก็จะมุ่งไปที่คนในระดับรากหญ้าให้เขาพึ่งตนเองได้ ให้เขามีความเข้มแข็งในครัวเรือนในชุมชนของเขาเอง ความเข้มแข็งในครัวเรือนในชุมชนจะนำมาซึ่งความเข้มแข็งของประเทศ
โอท้อปเข้าไปเสริมในส่วนของความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจฐานราก เพราะว่าคิดโดยคนในชุมชนใช้ทรัพยากรของคนในชุมชน ช่วงที่ผมเป็นผู้ว่าฯปากน้ำเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี เราเปลี่ยนรัฐบาล เรามีการเมือง เราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตอนนั้นบอกว่าเราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ การกระตุ้นเศรษฐกิจนี่คือการนำเม็ดเงินลงในระบบเศรษฐกิจแต่ถ้าลงไม่ถึงฐานรากกระตุ้นอย่างไรก็ไม่มันก็เกิด ฉะนั้นในปีที่เป็นผู้ว่าฯเลยทำเรื่องโอท้อปและสนใจค่อนข้างมาก เพราะเห็นแล้วว่าถ้าโอท้อปมีการพัฒนาแล้วก็มีรายได้จากโอท้อป รายได้ตรงนั้นมันลงถึงชุมชนถึงกลุ่มของโอท้อปจริง ๆ มันถึงจะได้ประโยชน์
Oooรัฐต้องช่วยหนุนด้านการตลาดและการพัฒนา
ในส่วนโอท้อปสิ่งหนึ่งที่ภาครัฐจะต้องเข้าไปช่วย คือ 1.เรื่องการตลาด 2.เรื่องของทุน 3.เรื่องของความรู้ คือเขามีภูมิปัญญาท้องถิ่นแต่เราควรจะช่วยเขาในการต่อยอด ส่วนหนึ่งคือต่อยอดระหว่างโอท้อปด้วยกันที่เราเอามาเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า KBO Knowledge base OTOP แต่ส่วนหนึ่งคือต้องใช้วิทยาการสมัยใหม่คือจากนักวิชาการชุมชนที่อยู่ในแต่ละท้องถิ่นมาช่วย ตรงนั้นเรียกว่า R&D ส่วนราชการจะต้องเข้าไปช่วยเรื่องการตลาด เรื่องทุน เรื่อง R&D แล้วก็เรื่องการบริหารจัดการ ตัวนี้คือหน้าที่ของส่วนราชการ ตอนนั้นผมเป็นผู้ว่าฯปากน้ำก็พยายามทำในสิ่งเหล่านี้มันถึงเกิดโอท้อป
000โอท้อปลุยถึงโรงงาน
สมัยอยู่สมุทรปราการคิดไว้จะมีโอท้อปเดลิเวอร์รี่แต่ยังไม่ได้ทำย้ายก่อน แต่ที่ได้ทำแล้วและผมคิดว่าค่อนข้างได้ผลคือ OTOP To The Factory คือตลาดของสมุทรปราการอยู่ที่โรงงาน มีโรงงานอยู่ 7,000 กว่าโรง แต่ละโรงงานก็มีผู้ใช้แรงงาน รวม 700,000 กว่าคน ฉะนั้นพอวันที่ 15 วันเงินเดือนออกหรือวันสิ้นเดือน วันเงินเดือนออกเราจะมี OTOP To The Factory เข้าไป โดยประสานขอความร่วมมือ ผู้ว่าฯขอความร่วมมือโรงงานใหญ่ว่าช่วงนี้แหละขอเอาโอท้อปเข้าไปขาย ซึ่งทำรายได้มากเพราะคนในโรงงานเขาเห็นว่าสินค้าโอท้อปเป็นของแปลกเขาก็ซื้อ
สินค้าโอท้อปสมุทรปราการดีอย่างหนึ่งคือเป็นการประสมประเสระหว่างผลิตภัณฑ์ชุมชนกับองค์ความรู้เรื่องอุตสาหกรรมที่คนในโรงงานเขามาทำและพอเขากลับไปถึงครอบครัวเขาก็เอาความรู้ที่ได้จากโรงงานไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มันดี เลยเป็นแนวคิดว่าพอมาอยู่กรมพัฒนาชุมชนก็อยากจะทำโอท้อปในลักษณะที่ทำอยู่ที่สมุทรปราการมาใช้ และถือเป็นความโชคดีที่ได้มาเป็นอธิบดีสามารถมาทำในภาพรวมของประเทศชาติได้
ผมเลยจะทำในเรื่องของทุน เราจะทำในเรื่องของการตลาด เราจะทำในเรื่องขององค์ความรู้ และเราจะทำในเรื่องของการบริหารจัดการกับโอท้อป ตั้งใจจะทำให้เข้มข้นขึ้น ส่วนนโยบาย To The Factory ก็คงต้องมอบให้เป็นจังหวัด ๆ เพราะคำว่า Top The Factory คงได้ใช้ไม่กี่จังหวัด ต้องเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพเช่น สมุทรปราการ ปทุมธานี อยุธยา แปดริ้ว อย่างนี้ได้
Oooเล็งรื้อระบบเว็บไซต์ให้โกอินเตอร์
อีกอย่างที่นึก ๆไว้อย่างเช่นได้เรียกผอ.เทคโนโลยีมาถามเรื่องเว็บไซต์ของโอท้อปท่านบอกว่ามีแล้วแต่ต้องไปเข้าของกรมพัฒนาชุมชนก่อนแล้วจากกรมพัฒนาชุมชนจึงจะลิงค์ไปที่โอท้อป ผมก็ถามว่าขนาดผมเป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชนยังไม่รู้ว่าเว็ปของกรมพัฒนาชุมชนคืออะไร
ถามจริง ๆ ว่าถ้าเราต้องการเรื่องโอท้อปลงสู่อินเตอร์เน๊ตเราต้องการประชาสัมพันธ์ให้คนไทยหรือชาวต่างประเทศได้เห็น คนไทยไม่ต้องลงกเน็ตหรอกครับเพราะมันสื่อกันใกล้ ๆ แต่เราอยากจะให้ world wide เราต้องการให้คนทั่วโลกได้เข้าสู่โอท้อปของเรา ฉะนั้นทำไมไม่ตั้งง่าย ๆ otop.com แค่นั้น ผมว่าคำว่า OTOP คนต่างประเทศเริ่มรู้แล้วก็กดเข้า otop.com ท่านผอ.บอกว่ามีคนตั้งไว้แล้วตั้งทิ้งไว้แต่ไม่ทำอะไรก็ไม่เป็นไร เราก็ตั้งเป็น otopthailand.com ตั้งให้ชื่อมันเปลี่ยน ผมอยากตั้งชื่อเว็บที่จำง่ายและเรียกง่าย
พร้อมกันนี้ผมถามต่อว่าที่ทำเป็นภาษาอะไร ได้รับคำตอบว่าเป็นภาษาไทย แล้วคนต่างประเทศที่ไหนเขาจะเข้าใจ ซึ่งการไม่เก่งภาษาอังกฤษไม่ใช่ปัญหาอุปสรรค เพราะคงไม่ใช่กรมพัฒนาชุมชนทำกรมเดียวคงต้องถามหลายๆ ส่วนราชการที่มีเป้าหมายเดียวกัน นี่ยกตัวอย่างเรื่องเดียวที่จะประชาสัมพันธ์
นอกจากนั้นระบบe-commerce มันน่าจำทำได้ในระบบโอท้อปบ้านเราแล้ว ทีเขาขายพวกของไม่ดีผ่านอินเตอร์เน็ตคนยังแย่งกันซื้อเลยมันจะไปยากอะไร เรื่องพวกนี้แหละที่ผมเอยากทำถ้าทำไม่ได้จะได้รู้ว่าไม่เก่ง ก็น่าจะเห็นผลงานในปีหนึ่ง ถ้าไม่เห็นก็น่าจะพิจารณาตัวเองกลับไปเป็นผู้ว่าฯ ไปอยู่บ้านนอกดีกว่า หากินตามต่างจังหวัด(หัวเราะ)
0000ญี่ปุ่นชื่นชมโอท้อปไทย
เมื่อปีที่แล้วผมไปจังหวัดโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น กับรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ที่นั่นซึ่งเป็นต้นกำเนิดโอท้อปที่เราเลียนแบบเขามา เขาชื่นชมเรามากว่าเราพัฒนาไปได้ไกลและทำกักนอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ
ถ้าพูดถึงโอท้อปของญี่ปุ่น ในมุมมองของผมยังเชื่อว่าญี่ปุ่นถึงจุดสูงสุดแล้วไปไม่เป็นแล้ว คือเขาอยู่ในที่ที่เขาเคยดังมาก่อนแต่ถามว่าผลิตภัณฑ์โอท้อปญี่ปุ่นเขาเคยมาบ้านเราไหม มันก็ไม่มี มีแต่ว่าเราต้องไปญี่ปุ่นเราถึงไปซื้อสาหร่ายไปซื้อของโอท้อปเขา
พูดจริง ๆ เราลอกความคิดของเขามา เราต้องไปไกลกว่าญี่ปุ่น เพราะว่าเราได้เปรียบเราไม่ต้องคิดเริ่มต้น เราเอาความสำเร็จของเขามาทำมันต้องทำให้ต่อยอดไปจากของเดิมถึงจะเก่งจริง