สิบสองปันนาหงส์ฟ้าพญามังกร:ตอน5 อีก้อแต่งงาน สืบสานประเพณีดีงาม
โดยอึ้งเข่งสุง เรื่อง/ภาพ-ธงชัย เปาอินทร์
ฮือฮาและเล่าขานกันขรม เมื่อคนที่ไปท่องเที่ยวสิบสองปันนาแล้วได้ไปเข้าสู่ประเพณีการแต่งงานกับสาวชาวชนเผ่า"ไอนี่" หรือที่บ้านเราเรียกว่า "อาข่า" หรือ "อีก้อ" เล่าด้วยความสนุกสนาน เล่าด้วยความรู้สึกประทับใจ และเล่าด้วยว่าเป็นเรื่องแปลกที่เขาหยิบเอาประเพณีมาใช้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มีสีสันแปลกแตกต่างได้อย่างน่าทึ่ง
อาข่าหรือไอนี่เป็นชนเผ่าหนึ่งใน 13 เผ่าของเขตการปกครองตนเองไทลื้อที่มีเมืองสิบสองปันนาเป็นเมืองเอกหรือเมืองเชียงรุ่งหรือเชียงรุ้งนั่นเอง ซึ่งเขตการปกครองนี้มีชาวไทลื้อมากที่สุด ชาวฮั่น(จีน)เป็นอันดับสอง และชนเผ่าไอนี่หรืออาข่าเป็นชนเผ่าที่มีมากเป็นลำดับที่ 3 ซึ่งมีมากประมาณ 18.33% หรือ 186,067 คน
สะพานแขวนข้ามฟากไปบ้านอาข่า
อาข่าเป็นชนเผ่าที่นิยมชมชอบการอยู่อาศัยและทำกินบนภูเขาสูงชัน อากาศเย็นเยียบตลอดปี และทำกินด้วยอาชีพการเกษตรกรรม การเก็บหาสมุนไพร การเก็บหาของป่า การล่าสัตว์ป่า แต่เมื่อประชากรมากขึ้น กฎหมายบ้านเมืองเข้มข้นขึ้น การศึกษาดีขึ้น และโลกวิวัฒนาการมากขึ้น อาข่าก็ได้ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตามกระบวนการเปลี่ยนแปลง
แม้แต่ศิลปะวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตและความเชื่อก็เปลี่ยนไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ด้วยเช่นกัน มนุษย์ทุกคนมีชีวิต เลือดเนื้อ สติปัญญา และมันสมองที่เหนือกว่าสรรพสัตว์ทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น ประเพณีดั้งเดิมของชีวิตและกามารมณ์ หรือเรื่อง Sex ของชาวชนเผ่าอาข่า เล่าสืบต่อกันมายาวนานว่า มีจีดะและมีดะ เป็นครูสอนเรื่องชีวิตการครองคู่ให้กับหนุ่มและสาวบริสุทธิ์
แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไป ประเพณีเร้นลับเรื่องครูสอนบทรักของชาวอาข่าก็เปลี่ยนไปด้วย ในความเป็นจริงจะยังมีอยู่หรือไม่ไม่มีใครสืบค้นหาความจริง หากแต่เมื่อมีการสอบถาม คำตอบที่ได้คือ ได้เลิกประเพณีครูสอนบทรักไปแล้ว วันนี้ เขาสอนเพศศึกษาในหลักสูตรการเรียนการสอน จึงไม่จำเป็นต้องมีครูฝึกฝนบทรักดังแต่เก่าก่อนอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ไปท่องเที่ยวยังเมืองสิบสองปันนา ประเทศจีนนั้น เขาได้หยิบยกเอาศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตความเป็นอยู่และความเชื่อของชนเผ่าอาข่ามาแสดงให้กับชาวต่างชาติ อันเป็นหนึ่งในกิจกรรมการท่องที่ยวที่ได้รับความสนุกสนานและได้ความรู้เปรียบเทียบกลับมาด้วย เรื่องของเรื่องมีดังนี้ครับ
เขาสร้างหมู่บ้านสมมติขึ้นบนเขาสูงชัน ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร ห่างไกลจากเส้นทางคมนาคม แล้วเชื่อมต่อด้วยสะพานแขวนให้เดินข้ามไปยังจุดขายที่ตั้งอยู่ นักท่องเที่ยวมากมายจะทะยอยกันเดินข้ามไปบนสะพานแขวน บางกลุ่มก็หยุดแอคท่าให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก นี่เพียงสะพานแขวนก็ได้แรงจูงใจให้อยากถ่ายรูปไปอวดกันแล้ว
เดินข้ามสะพานเสร็จก็เป็นบันไดหินให้เดินไต่ขึ้นไปยังเรือนไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง รูปทรงหลังคาบ้านเรือนเป็นวัฒนธธรรมการสร้างรูปแบบที่คงเอกลักษณ์ชนเผ่าเอาไว้ ระเบียงในร่มให้สาวๆนั่งเล่นได้ ในตัวเรือนแสดงเครื่องอุปโภคบริโภค เตาในครัวเรือน เถ้าน้ำร้อนน้ำชา ถ้วยโถโอชาม เครื่องนั่งเครื่องนอน มีแม้กระทั่งเครื่องทอถักผ้าเสื้อไว้ให้เห็น อันเป็นการถักทอด้วยมือ
ตามผนังห้องประดับประดาด้วยเครื่องมือทำกิน เช่นคาด คันไถ สุ่ม ลอบดักปลา ลันดักปลาไหล สวิงช้อนปลา หน้าไม้ล่าสัตว์ป่า เหมือนพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านของบ้านเรา เปรียบเทียบแล้วก็เป็นวิถีชีวิตของชาวเอเซียที่อิงอาศัยการหาอาหารในลำห้วย หนอง บึงบาง และป่าเขา พืชพันธุ์ชนิดไหนเก็บหามากินได้ก็เก็บกิน แต่เขาก็รู้ว่าชนิดไหนกินแล้วเป็นพิษเช่นกัน อันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น
บนเรือนของชาวอาข่า มีเครื่องแต่งตัวชายหญิงอวดให้ชม ที่นอนคุณผู้ชายอยู่ตรงไหน คุณผู้หญิงอยู่ตรงไหน ลำดับความสำคัญของวิถีชีวิตเป็นไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่ยังสืบทอดกันต่อมา เมื่อเดินชมบนเรือนเสร็จแล้วเขาวางแผนให้เดินลงไปยังใต้ถุนเรือน ข้างล่างมีสาวๆอาข่าแต่งตัวด้วยชุดงดงามประจำเผ่า สีสันสวยสดแปลกตาไปตามศิลปะวัฒนธรรมของเขา กลุ่มสาวๆกำลังขับร้องเพลงให้นักท่องเที่ยวฟังด้วยเสียงสดใส เครื่องดนตรีท้องถิ่นบรรเลงเสนาะ
สาวอาข่าขับร้องเพลงของชนเผ่า
หลังการขับร้องเพลงเพื่อสื่อถึงว่า ทุกเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ล้วนมีดนตรีกาล มีเรื่องราวที่เล่าด้วยบทเพลง และมีเครื่องเล่นดนตรีเฉพาะถิ่นไว้อวด พิธีกรเริ่มเล่าเรื่องราวชาวอาข่า และแล้วก็วกมาเข้าเรื่องการแต่งงานตามประเพณีของเขา
"หากสาวไหนชอบใจหนุ่มๆคนไหน เธอจะใช้ผ้าคล้องคอแสดงว่าหล่อนต้องการเลือกเจ้าหนุ่มคนนั้นเป็นคู่ครอง ระวังนะครับว่าท่านกำลังถูกสาวๆเผ่าอาข่าของเราพินิจพิเคราะห์อยู่ว่า ท่านใดสมควรได้รับการคัดเลือกเป็นคู่ครองของเธอ และเมื่อเธอเลือกคุณแล้ว เธอก็จะพาคุณวิ่งไปยังเรือนที่ใช้ประกอบพิธีแต่งงานตามประเพณี"
สาวอาข่าพาหนุ่มๆวิ่งไปเรือนวิวาห์
สิ้นเสียงพิธีกร สาวชาวอาข่าที่แต่งตัวสวยงามทั้งหลายก็กรูกันใช้ผ้าคล้องคอใส่หนุ่มที่ยืนชมการแสดงอยู่ เมื่อเลือกคู่ได้แล้วก็ได้จูงมือกันวิ่งไปยังเรือนวิวาห์ ระหว่างนี้ได้เรียกเสียงหัวเราะ ขบขันด้วยความสนุกสนาน คนไหนไม่ได้รับการคล้องคอไปเป็นคู่ครองก็อย่าได้เสียใจไปเลย เพราะว่ามันเป็นการแสดงตามพิธีการโบราณของชนเผ่าหรอก ไม่ได้แต่งกันจริงๆ
เมื่อดำเนินกรรมวิธีของชนเผ่าครบถ้วน หนุ่มๆสาวๆจะต้องเอาด้ายสีดำที่ใช้มัดข้อมือไปผูกไว้ตามต้นไม้ใกล้ๆ พิธีกรก็ปล่อยให้สาวๆพาหนุ่มของตนเองไปยังห้องๆหนึ่ง เสมือนว่าเป็นเรือนหอ หรือห้องหอ เป็นอันเสร็จพิธี เดิมทีเดียวการแต่งงานหลอกๆนี้ เจ้าบ่าง ต้องเสียค่าผิดผี 50 หยวน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ทราบว่าถูกร้องเรียนหรือประการใดๆ ทำให้หนุ่มเจ้าบ่าวไม่ต้องเสียผีอีกแล้ว
เลือกคู่ได้ก็พากันวิ่งไปเรือนวิวาห์
งานนี้นอกจากเรียกเสียงหัวเราะและสร้างความรื่นรมณ์แล้วยังช่วยให้เกิดการบันทึกภาพเป็นที่ระลึก ภาพแต่ละภาพที่กระจายออกไปนั้นนั่นแหละคือการประชาสัมพันธ์ชั้นยอด เป็นกระบวนการที่เกิดและได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อก่อนได้เคยเกิดการแต่งหลอกเช่นนี้ แล้วเสียค่าเสียผีถึง 50 หยวน เจ้าหนุ่มจากหลายประเทศก็เลยฉวยโอกาส "หอมแก้มจริงๆ จนสาวๆอายม้วนต้วน"
นี่ถ้าจะเป็นเหตุหนึ่งหรือไม่ที่ต่อมาทางกลุ่มได้ยกเลิกค่าเสียผีไปแลย
ประเพณีแต่งงานชาวอาข่า
หลังจากชมการเลือกคู่และประเพณีการแต่งงานของชนเผ่าอาข่าแล้ว ทางที่เดินลงจะผ่านร้านขายเสื้อผ้า ของใช้อันเป็นของที่ระลึกมีให้เลือกซื้อกลับได้มากมายหลายชนิด แต่พอเดินไปสุดทาง ถ้าเลี้ยวขวาจะต้องเดินกลับไปตามสะพานแขวนเดิมที่เดินข้ามมา แต่ถ้าเดินตรงไปจะเป็นจุดหนึ่งที่ให้นักท่องเที่ยวได้โหนลวดสลิงวิ่งจู๊ดๆ ไปยังอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อรอคอยรถยนต์ของกลุ่มตนเองมารอรับกลับลงไป ตรงจุดนี้ก็เรียกเสียงหวีดร้องได้ไม่น้อย
มิติน่าสนใจคือ เขาใช้ขนบธรรมเนียมประเพณี การแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสันสวยงามของชนเผ่า เสียงเสนาะของดนตรีและเสียงที่ขับขานประสานกันตามเอกลักษณ์ของชนเผ่า บุคลากรของชนเผ่าที่สวย และน่ารัก นำมาประกอบเรื่องราวจนขายได้อย่างไม่น่าเชื่อ และก็แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเพียงเท่านี้ ก็โกยเงินได้มหาศาลต่อวันให้กับชุมชนหรือประเทศชาติได้
ทรัพยากรที่มีอยู่ดั้งเดิมก็นำมาขายได้มิใช่หรือ ?
มีเรื่องฮาสรุปว่า สาวเจ้าเกิดพิศมัยหน่มหนึ่งซึ่งหล่อลากดิน แต่มีเมียมาด้วย เมื่อเล่นตามเพลงเธอก็วิ่งไปคล้องคอเจ้าหนุ่มหล่อมาได้ ได้มาแล้วยังทำกระซี้กระซิกหนุ่มเหน้ารายนั้น ท่าจะอี๋อ๋อเกินพิกัดหรืออย่างไรไม่ทราบแน่ชัด แต่ได้เรื่อง ด้วยว่าเมียขึ้หึงของเจ้าหนุ่มโมโหโกรธาใหญ่โต กระโดดออกไปตบหน้าพ่อสามีตัวดีเสียวุ่น พิธีแตก ด้วยลมเพชรหึง ดังตึงไปทั้งวง เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้ามีเมียขี้หึ่งไปเที่ยวด้วย ควรหลบหลีกให้พ้นจากสาวเจ้าชาวอาข่าเชียว เดี๋ยวเจ็บ