http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,001,902
Page Views16,310,713
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

ไหว้พระโต 8 องค์ เมืองอ่างทอง แล้วไปเที่ยวตลาดโบราณศาลเจ้าโรงทอง โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

ไหว้พระโต  8 องค์ เมืองอ่างทอง แล้วไปเที่ยวตลาดโบราณศาลเจ้าโรงทอง โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

 

ไหว้พระโต  8 องค์ เมืองอ่างทอง

แล้วไปเที่ยวตลาดโบราณศาลเจ้าโรงทอง 

โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

                 ผมไม่เข้าใจนักว่า ทำไม เมืองอ่างทองบ้านเกิดของผมถึงได้มีพระโตมากมายหลายองค์ มีทั้งพระสร้างเก่าและพระสร้างใหม่ มีทั้งอิงประวัติศาสตร์และนิมิตจากพระเกจิอาจารย์ดัง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม วันนี้ บ้านเกิดผมมีหลวงพ่อโตมากที่สุดในประเทศไทย ไม่เชื่อก็ตามผมมาซิครับ  และเมื่อได้ไปกราบไหว้หลวงพ่อโตแล้ว อย่าลืมเลยไปเที่ยวชมตลาดศาลเจ้าโรงทอง ริมฝั่งแม่น้ำน้อย อำเภอวิเศษชัยชาญด้วยนะครับ

                  แค่เดินชม "ประตูบานเฟี้ยม" ก็เหลือรับประทานแล้ว

                             

เสาไฟฟ้าใหญ่เสาเดียวของอ่างทอง

                  ผมเกิดที่บ้านทุ่งห้วยคันแหลนไกลจากตลาดศาลเจ้าโรงทอง 6กม. เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัด แล้วเข้ามาเรียนต่อมัธยมต้นที่โรงเรียนวิเศษชัยชาญมูลนิธิ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำน้อย แต่บ้านพักที่ผมไปอยู่เพื่อเรียนหนังสือเป็นบ้านของลุงคนโต อยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำน้อย อันเป็นฝั่งเดียวกับตลาดศาลเจ้าโรงทอง  ทุกเช้าวันเรียน ผมจึงต้องเดินไปลงเรือจ้างข้ามฟากที่ท่าตลาดใต้ เที่ยวละ 25 สตางค์ หรือเรียกกันว่า หนึ่งสลึง เป็นเรือแจว         

                   ทุกเช้าตรู่ทุกวันผมมีหน้าที่หิ้วตะกร้าไปจ่ายตลาดตามที่พี่สะไภ้จดให้ ผมจึงเดินตลาดสดและตลาดร้านค้าทุกเช้า จำได้ทุกตรอกซอกซอย ปิดเทอมหรือปิดเสาร์อาทิตย์ พวกเราชาวบ้านทุ่งห้วยคันแหลนที่เจข้ามาเรียนหนังสือก็จะเดินกลับบ้านทุ่งโดยไต่ไปตามคันนาและทางเกวียน แต่ถ้าเข้าหน้าน้ำเต็มฝั่งก็อาศัยนั่งเรือเมล์หรือเรือไอไปตามคลอง เรือโดยสารทางน้ำมีเพียงเที่ยวไป-กลับแค่นั้น ลงเรือไม่ทันก็แห้ว กลับไม่ได้

                  ยามวัยกำลังทำงาน ผมกลับไปเยี่ยมยามบ้านเกิด ผ่านตลาดศาลเจ้าโรงทองก็จะเข้าไปเดินเที่ยว หาซื้อของฝาก และได้เสวนากับเพื่อนร่วมรุ่นที่เหลืออยู่ไม่กี่คน ส่วนคนดังของตลาดก็ไปไกลเกินพิกัด เมื่อครูประจำชั้นยังอยู่ ผมก็จะเดินไปตลาดกลาง ไปไหว้ครูดวงเดือน วุฒิวัย คุณครูใจดีมีเมตตาของผม แต่ครั้งนี้ ผมเพิ่งไปได้ข่าวว่าครูเสียชีวิตแล้ว ขอดวงวิญญาณครูจงรับรู้ด้วยว่าเด็กชายตัวดำๆผอมๆ ยังระลึกถึงครูเสมอ

 

                                อนุรักษ์ตลาดเหมือนเป็นบ้าน

                  วันนี้ พี่สาวคนรองครูมณี บรรลือหาญ ผม และน้องชายคนเดียว อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ช่วงชัย เปาอินทร์ เกษียณราชการกันหมดแล้ว ได้ชักชวนกันขับรถยนต์กลับมาไหว้พระโตที่บ้านเกิด แล้วก็กะกันว่าจะไปเยี่ยมยามตลาดศาลเจ้าโรงทอง ทบทวนอดีตแสนสุขกันสักหน่อย ตั้งเป้ากันว่าจะหาร้านอาหารรสชาติบ้านเกิดกินสักมื้อด้วย 

                 รถยนต์วิ่งจากกรุงเทพด้วยระยะทาง 110 กม แต่ก่อนถึงสัก 12 กม. จะเห็นหลวงพ่อทวดองค์โตเบ้อเริ่มเทิ่ม กำลังก่อสร้างอยู่ริมถนนสายเอเซีย  พอถึงทางแยกเข้าจังหวัดอ่างทอง มีป้ายบอกทางไปวัดจันทรังษี หมู่ 9 ตำบลหัวไผ่ อำเภอเมือง  ระยะทาง 1 กม.ถึงที่จอดรถยนต์กว้างขวาง มองเห็นมณฑปที่สูงใหญ่เอาการ ปรับแต่งภูมิทัศน์สวยงาม ภายในมณฑปประดิษฐานรูปหล่อด้วยโลหะผสมองค์โตปิดทองคำทั้งองค์ ขนาดหน้าตักกว้าง 6 เมตร 9 นิ้ว และสูงถึง 9 เมตร 

                    

มณฑปหลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญ

                พระเทพโกศล(สงัด อังสุมาลี)ในอดีต ปัจจุบันดำรงสมศักดิ์เป็น พระธรรมรัตนากร รองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ  รองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพ ซึ่งเป็นคนที่เกิดที่หมู่บ้านนี้ ได้ดำริสร้างหลวงพ่อสดเมื่อปีพ.ศ.2539 ทุกวันนี้ วัดจันทรังษีจึงมีที่ดินสองส่วน ส่วนแรกเป็นวัดดั้งเดิม มีต้นยางนาและต้นตะเคียนทองขึ้นปกคลุมจนเหมือนกับวัดป่า  ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นพุทธสถานลานมณฑปหลวงพ่อสด จึงมองเห็นได้โดดเด่น และงดงามยิ่ง

                    

รูปหล่อหลวงพ่อสดที่ใหญ่ที่สุดในโลก

               ออกจากวัดจันทรังษี น้องชายขับรถยนต์วิ่งต่อไปยังวัดไชโยวรวิหาร อ.ไชโย ระยะทาง 15 กม.บนถนนสายเอเซีย ถึงป้ายบอกทางเข้าวัดไชโยวรวิหาร 3 กม. แต่ช้าก่อน  ผมได้พบวัดมหานาม ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายมือ ม.4 ต.ไชยภูมิ อ.ไชโย มีพระสังกัจจาย องค์โตบะเห่ง   นอกจากนี้ยังมีหลวงพ่อขาวที่ประชาชนเคารพบูชอยู่ด้วย มีร่องรอยว่าเป็นวัดเก่าและร้างมาก่อน

               พระเทพโกศลคนวัดจันทรังษี                               ภาพเขียนแสดงกรรมัฎฐานในมณฑป

                ออกจากวัดมหานาม ก็ขับรถข้ามสะพานแม่น้ำเจ้าพระยา เลี้ยวขวาอีกที่แล้วก็เลี้ยวขวาเข้าวัดไชโยวรวิหาร ลานจอดรถกว้างขวาง มองเห็นพระอุโบสถอลังการ มาที่วัดนี้ได้กราบไหว้หลวงพ่อโตคราวเดียวสององค์ ได้แก่หลวงพ่อโตในโบสถ์ และหลวงพ่อโตพรหมรังสี ที่วิหารริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา  ศิลปะรัตนโกสินทร์ บรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาร่มรื่นด้วยแมกไม้ หากประสงค์จะทำทานด้วยปล่อยปลาลงแม่น้ำก็มีจัดจำหน่ายให้ที่บันไดทางลงแม่น้ำ 

                            

พระมหาพุทธพิมพ์ ปางมารวิชัย วัดไชโย

                มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับหลวงพ่อโตในโบสถ์ว่าเดิมทีเดียว หลวงพ่อโต พรหมรังสี ได้เดินทางมาถึงวัดนี้ แล้วได้สร้างพระอิฐถือปูนสีขาวองค์โตมากๆไว้กลางแจ้ง แต่ไม่ลงรักปิดทอง  ต่อมาพระปิยะมหาราช ร.5 ได้เสด็จประภาสต้น ปีพ.ศ.2430 ได้ทรงเห็นว่าองค์พระขนาดใหญ่ชำรุดทรุดโทรมไป จึงโปรดให้บูรณะใหม่ แต่ได้พังทลายลงมา จึงทรงให้ช่างสร้างใหม่อีกครั้งโดยถือต้นแบบจากหลวงพ่อโตวัดกัลยาณมิตร กรุงเทพฯ ได้พระมหาพุทธพิมพ์ หน้าตักกว้าง 16.10 เมตร สูง 22.65 เมตร พร้อมหลังคาอุโบสถที่ใหญ่อลังการกว่าวัดไหนในอ่างทอง

                           

รูปหล่อโลหะหลวงพ่อโตวัดไชโยวรวิหาร

               ต่อมาทางวัดได้สร้างรูปหล่อโลหะหลวงพ่อโต (สมเด็จพระพุฒาจารย์โต) ปีพ.ศ.2437ประดิษฐานไว้ในวิหารริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ขนาดหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 7 เมตร ข้างๆวิหารมีต้นโพธิ์ใหญ่ ร่มรื่นมาก เป็นที่ที่พุทธศาสนิกชนนิยมมานั่งกัน ที่วัดไชโยวรวิหารแห่งนี้ ได้มีการสร้างพระพิมพ์สมเด็จเกศไชโย เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้บูชา ทุกวันนี้โด่งดังมากจนสนนราคาองค์หนึ่งเหยียบล้านบาท 

พระพุทธไสยาสน์ที่งดงามที่สุด

               ออกจากวัดไชโยวรวิหาร วิ่งรถยนต์ไปตามถนนริมคลองชลประทาน ถึงปากทางฟากขวามือมีป้ายบอกทางไปวัดขุนอินทรประมูล ตำบลพลับ อำเภอโพธิ์ทอง เข้าไปจอดรถยนต์ใต้ร่มจามจุรีร่มรื่น  เดินไปซื้อดอกไม้ธูปเทียน ตั้งจิตอธิษฐานตามชอบ แล้วก็เดินออกห่างเพื่อพิจารณาพระพุทธไสยาสองค์ที่ว่ากันว่ายาวเป็นที่สองรองจากพระนอนวัดบางพลีใหญ่(53 เมตร)ซึ่งยาวที่สุดในประเทศไทย และเป็นพระหน้านางที่งดงามที่สุดด้วยพระพักตร์ยิ้มละไม สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย เดิมมีหลังคาครอบ แต่ได้เกิดไฟไหม้ไปหมด คงเหลือเพียงเสาโด่เด่

               พร้อมกับมีเรื่องราวเล่าขานกันว่า ขุนอินทรประมูล นายอากรบ่อนเบี้ย ได้ยักยอกเงินแผ่นดินซึ่งต้องส่งเข้าท้องพระคลัง แต่ได้นำกลับมาสร้างพระพุทธไสยาสน์ ขนาดยาว 50 เมตร เมื่อถูกสอบสวนก็ไม่ยอมรับว่านำเงินไปทำอะไร ด้วยเกรงว่าผลบุญจะไปตกแก่พระเจ้าแผ่นดิน จึงยอมถูกประหารชีวิต ว่ากันว่ามีการขุดค้นพบร่างที่ถูกมัดมือไขว้หลัง อยู่ข้างวิหารหลวงพ่อขาว มีการจำลองภาพไว้ในกุฎีให้ชมด้วย แถมมีของฝากจากอ่างทองวางขายใต้ร่มเงาต้นจามจุรีด้วย

                       

พระศรีเมืองทองวัดต้นสน

                  ออกจากวัดขุนอินทประมูลมุ่งสู่อำเภอโพธิ์ทอง แล้วตรงไปยังอำเภอเมือง เลี้ยวซ้ายเข้าไปยังวัดต้นสน ซึ่งเป็นวัดราษฎ์ที่ตั้งอยู่ติดกับมัสยิดอิสลาม วัดนี้สร้างมาตั้งแต่ตอนปลายสมัยอยุธยาเป็นราชธานี พิจารณาจากบัวอ่อนและคันทวย พุทธสถานเด่นได้แก่สมเด็จพระศรีเมืองทอง เริ่มสร้างโดยพระราชสุวรรณโมลี เจ้าอาวาสองค์ก่อน แต่ก็สร้าง(พ.ศ.2516 ได้เพียงอกก็สิ้นลมไปเสียก่อน ต่อมาพระครูอนุศาสน์โสภณ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้สานต่อจนเสร็จสิ้นเมื่อปีพ.ศ.2523

                วัดพุทธอยู่คู่สุเหร่ามาหลายชั่วคน                             ดอกแขมหรือดอกอ้อริมฝั่งแม่น้ำน้อย

                 องค์พระศรีเมืองทอง หน้าตักกว้าง 6 วา 3 ศอก 9 นิ้ว สูง 9 วา 2 ศอก 19 นิ้ว หล่อด้วยโลหะ ลงรักปิดทองอร่ามงามเหลือ  เป็นที่สักการะกราบไหว้กันทั่วไป นอกจากนี้หน้าวิหารนี้ยังมีหลวงพ่อโตอีกองค์หนึ่งสร้างอยู่เบื้องหน้าวิหารดังกล่าว เรียกว่าพระศรีเงิน  เดินไปยังริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จะได้เดินลงไปยังแพริมฝั่ง ซื้อกาแฟ เครื่องดื่มกินได้ พร้อมกับซื้ออาหารปลาโปรยให้ทานแก่ฝูงปลานับแสนๆตัว เป็นที่นิยมของเหล่าเยาวชนมากทีเดียว

พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ วัดม่วง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง

                หลุดจากวัดต้นสน ก็บึ่งรถยนต์ไปยังวัดม่วง ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ เพียงว่าจะเลี้ยวซ้ายไปตามถนนริมคลองชลประทานก็ได้เห็นความยิ่งใหญ่อลังการของหลวงพ่อพระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ หน้าตักกว้าง 62 เมตร สูง 93 เมตร สิ้นเงินก่อสร้างไป 106 ล้านบาทเศษ ใช้เวลาก่อสร้างตั้งแต่ปีพ.ศ.2534 จนเสร็จสิ้นเมื่อปีพ.ศ.2550 เจ้าอาวาสองค์เดิมพระครูวิบูลอาจารคุณและเจ้าอาวาสองค์ใหม่ได้ญาติโยมช่วยบริจาคทรัพย์สินให้ทั้งสิ้น  ว่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก

              ในบริเวณวัดม่วงยังมีพุทธสถานหลากหลายให้กราบไหว้ ให้ชมแดนนรกเพื่อเตือนสติ มีอุโบสถตั้งอยู่ในใจกลางดอกบัว สวยงามและแปลกตากว่าวัดใดๆ ถ้ารู้จักประวัติของพระอาจารย์เกษมแล้ว ก็จะยิ่งซาบซึ้งในพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น ด้วยว่าเมื่อครั้งที่ท่านเป็นฆราวาสอยู่นั้น ท่านเกกมะเหรกเกเรเอาการอยู่ แต่เมื่อท่านได้อุปสมบทเป็นพุทธบริษัทแล้ว ท่านผลิกกลับชีวิตของท่านจนเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้  มีสติ สมาธิ และปณิธานที่มุ่งมั่นจะสานต่อพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า วัดม่วงวันนี้ไม่ร้างรา

              ออกจากวัดม่วง ยังไม่ง่วงนอนด้วยว่าได้ดื่มกาแฟสดและกาแฟโบราณที่มีขายกันทั่วไป ตามปั๊มน้ำมัน ตามมุมตลาด ตามริมถนน รถยนต์ของเราวิ่งไปยังตลาดศาลเจ้าโรงทองฝั่งขวาแม่น้ำน้อย แต่ยังไม่เลี้ยวเข้าไปชม รถยนต์วิ่งไปตามถนนลาดยางริมคลองชลประทาน ถึงวัดสี่ร้อย เดินดุ่มๆไปกราบไหว้และแวะไปชมริมฝั่งแม่น้ำน้อย  ซึ่งในอดีตฤดูน้ำเต็มฝั่ง เมื่อครั้งที่ต้องนั่งเรือไอกลับบ้านเกิดที่ทุ่งห้วยคันแหลน พอเรือแล่นผ่านวัดสี่ร้อยจะเห็นหลวงพ่อโตองค์นี้ ก็ยกมือไหว้กันทั้งลำเรือ

                        

                                    หลวงพ่อโตวัดสี่ร้อยพุทธอนุสรณ์สถานแด่นักรบ

             วัดสี่ร้อย ทำไมหรือจึงชื่อนี้ มีเรื่องราวในใบปลิวของวัดว่า เดิมที่เดียว ขุนรองปลัดชู คนแขวงเมืองวิเศษชัยชาญ เป็นกองอาทมาตนำนักรบไปร่วมออกศึกกับพม่าที่เมืองกุยบุรี แต่ด้วยกองกำลังน้อยและเสบียงก็ขาดแคลน ครั้นแจ้งไปยังเจ้าพระยารัตนาธิเบศก์ก็กลับนิ่งเฉย ไม่ส่งกองกำลังมาช่วยหนุนแต่อย่างใด ในที่สุดขุนรองปลัดชูและพี่น้องนักรบจากแขวงเมืองวิเศษชัยชาญก็ล้มตายจนสิ้น ลูกเมียและพ่อแม่ทีเฝ้ารอการกลับมาของเหล่านักรบ ปีแล้วปีเล่าก็ไม่กลับมา

            ด้วยความโศกเศร้าสะเทือนใจในชะตากรรมของเหล่าพี่น้องนักรบ จึงได้ช่วยกันก่ออิฐถือปูนขึ้นรูปเป็นองค์พระพุทธปางป่าเลย์ไร ไว้กลางแจ้งริมฝั่งแม่น้ำน้อย เป็นเสมือนอนุสาวรีย์ของเขาเหล่านักรบ ด้วยเวลาที่ล่วงเลยไปนานนับสิบๆปีก็มิมีวี่แววว่าจะมีนักรบคนใดได้กลับมา คราใดที่คิดถึงพ่อและสามี ก็จะเดินไปกราบไหว้แล้วภาวนาอธิษฐานถึง 

            พวกเราสามพี่น้องอ่านเรื่องราวสู่กันฟังแล้วก็เกิดความรู้สึกรันทดใจต่อชะตากรรมของบ้านเมืองที่มีเหล่าอำมาตย์ปราศจากความรับผิดชอบ เอาแต่ความสุขส่วนตน และไม่คำนึงถึงว่า นักรบที่ต้องเดินทางจากลูกเมียพ่อแม่ไปรบทัพจับศึก นี่ถ้าเจ้าพระยารัตนาธิเบศก์สมัยนั้น รู้รับผิดชอบก็คงจะส่งกองกำลังบำรุงไปช่วยสมทบแล้ว แต่ถ้ารอดมาได้สักคน วัดสี่ร้อยและพระปางป่าเลย์ไรก็คงไม่เกิด

ประตูเข้าสู่ตลาดศาลเจ้าโรงทองด้านวัดนางใน

            ขับรถกลับไปตลาดศาลเจ้าโรงทอง สามพี่น้องเดินชมร้านรวงเก่าๆที่เคยรู้จัก ด้วยว่าครูมณีนั้นเคยมาอยู่เพื่อเรียนหนังสืออยู่ที่ร้านทองแม่กิมฮวย ตลาดใต้ เดินๆไปได้พบแม่ค้านั่งขายขนมเปี๊ยะ ถามว่าพวกห้วยคันแหลนหรือ พอผมตอบว่าใช่ เธอก็บอกต่อว่ารู้จักคนชื่อมณี เป็นเพื่อนเรียนร่วมชั้นกันมา พอดีครูมณีเดินเข้ามาจึงเรียกให้มาพบกับเพื่อนเก่าเหล่าเหย ดีใจกันใหญ่เลยเจ๊ 

ตลาดศาลเจ้าโรงทองบรรยากาศร้านค้ายังเหมือนในอดีต

             ตลาดศาลเจ้าโรงทองนี่สร้างมาแต่ไหนแต่ไร ก็มีอยู่สามตลาดคือ ตลาดเหนือ ตลาดกลาง และตลาดใต้ เป็นตลาดที่สร้างด้วยไม้จึงผุพังและเป็นเชื้อไฟให้เผาไหม้จนแทบสิ้น วันนี้ ทุกร้านกลับมาฟื้นฟูบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองกันใหม่ กลายเป็นตลาดโบราณรุ่นสอง ส่วนผมและน้องชายได้เห็นเพียงฝาเฟี้ยมไม้สักที่แต่ละร้านสร้างกันก็คุ้มแล้ว 

          ครูมณีได้พบเพื่อนร่วมรุ่นนั่งขายขนมเปี๊ยะ

            เดินต่อไปดูท่าเรือจ้างที่เคยนั่งข้ามไปเรียนหนังสือฝั่งตะวันออก ก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงไปอีก จากพื้นไม้กลายเป็นดินและปูน ริมท่าเรือปรับภูมิทัศน์ใหม่เป็นสวนสาธารณะ  มีเครื่องออกกำลังกายให้ใช้ประโยชน์ ดูร่มรื่นไปอีกแบบหนึ่ง ผมเดินลงไปในแพร้านอาหาร แม่ค้าคนหนึ่งกำลังเก็บอุปกรณ์ 

            "คิดว่าไม่มีใครมาแล้วก็เลยเก็บ" แม่ค้าตอบให้ได้ยินกันทั่ว 

ในตลาดศาลเจ้าโรงทองมีให้ชมแบบแปลกๆสวยๆ

            เป็นอันว่าได้เพียงรูปถ่าย รูปโครงสร้างตลาดเก่าศาลเจ้าโรงทอง ฝั่งตรงข้ามดัดแปลงบ้านริมน้ำเป็นร้านอาหารริมน้ำ บาร์เบียร์บนระเบียงริมน้ำใต้ร่มจามจุรี น่านั่งซดเบียร์สักขวด เรือข้ามฟากวันนั้น มาถึงวันนี้ไม่มีเรือแจวอีกต่อไป แต่เป็นเรือลากโยงด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น เรือจะวิ่งข้ามไปมาสองฝั่งด้วยแรงน้ำพัดพา นายท้ายวัย 72 ปีได้แต่หมุนหางเสือเรือแค่นั้น ไปกลับ 3 บาทจ้า

        

นี่ก็อีกหลังหนึ่ง บานประตูแบบเฟี้ยมสวย

              สมัยที่ยังเรียนหนังสือ ผมและพี่ๆ ก็ต้องมาข้ามท่าเรือตลาดใต้ บางทีนักเรียนเร่งรีบแล้วแห่กันลงไปจนเกินพิกัด เรือล่มกลางแม่น้ำน้อย เล่นเอาเปียกปอนกันไปทั่ว กระเป๋าและหนังสือก็พลอยหายไปด้วย เจ้าของเรือไม่ได้รับผิดชอบใดๆ ความผิดอยู่ที่นักเรียนรีบเร่งจะข้ามเพื่อไปให้ทันเวลาชักธงชาติขึ้นเสา เป็นความประทับใจหนึ่งที่เคยประสบพบพาน ณ ริมฝั่งแม่น้ำน้อยแห่งนี้ หลังเรียนจบตนใดไปเรียนต่อกรุงเทพก็รอลงเรือเขียวเรืองแดงของอาอี้ไล้(เรือแม่ไล้)ที่ท่าน้ำนี้ 

       

ครูมณีกับประธาน กกต.สิงห์บุรีพบเพื่อนเก่าเฮียชีกอ

              ส่วนไอ้อีตนใดไปเรียนต่อจนได้ดีแล้วแต่กลับลืมบ้านเกิดตนเอง ลืมเพื่อนร่วมรุ่นตัวเองก็ขอให้มันเซ็กซ์เสื่อมก็แล้วกัน   ส่วนคนใดไปเรียนต่อจนได้ดีแล้วกลับมาช่วยบ้านเกิดก็ขอให้เข้มแข็งและแรงดีตลอดไป ส่วนผมและพี่น้องได้แต่ระลึกถึงแล้วก็แวะเวียนมาพูดคุยกับเพื่อนเก่าๆบ้าง มาเยี่ยมวงศาคณาญาติบ้าง มาพักผ่อนหาซื้อของฝากของกิน แล้วก็ได้คุยถึงความหลัง ก็เป็นสุขไปอีกอย่างหนึ่ง  

แม่น้ำน้อยยามเย็น ตะวันกำลังรอนๆ

               ไอ้ที่เซ๊กซ์อาจจะเสื่อมนั่นก็ด้วยเป็นเบาหวาน กินทองหยอดฝอยทองและขนมลำเจียกมากไป น้ำตาลเลยล้น ช่วยทำขนมที่ใช้ความหวานเทียมได้ไหม ตกดึก ขับรถยนต์กลับกรุงเทพกันสบายๆ ไม่เร่งรีบอะไร เลยวัยทำงานแล้วก็เรื่อยๆเฉื่อยๆอย่างนี้ได้  แต่ถ้าพบว่ามีโรงลิเกที่ไหนเปิดการแสดง น้องชายผมก็จะดื้อตาใส ขอแวะเข้าไปนั่งข้างหน้าเพื่อชมการแสดงนาฏะดนตรีเสียก่อน ไม่งั้นเขาก็จะบ่น

 

                 บ้านหลังนี้ก็ซ่อมใหม่ แต่สวยอะ                                   ตลาดใต้มีของขายเยอะ

                อย่าลืมนะครับว่า วันเดียวเที่ยวที่ไหนดี ถ้าไม่มีที่ไปก็ลองแวะไปไหว้พระองค์โตได้ที่อ่างทอง จะได้บุญโตๆกลับไป เท่าที่เล่ามาให้อ่านนี้ มีเพียง 8 องค์ เพราะว่าหลวงพ่อทวดกำลังสร้างอยู่ ส่วนพระนอนองค์โตที่วัดป่าโมก ซึ่งว่ากันว่าปั้นได้สวยงามมาก แต่เนื่องจากเวลามีน้อยไปนิดก็เลยไปกราบไหว้ไม่ทัน ฝากไว้ก่อน งวดหน้าไปจะรีบๆเดินทาง และรีบๆถ่ายรูปให้ครบถ้วน 

                ระยะทางไม่ไกล ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายต่ำ และไปกลับวันเดียวได้สบายๆ ขอเพียงอย่าไปนั่งคุยซะจนรากงอก ก็หมดเวลาอย่างนี้แหละ

                หลวงพ่อโตเมืองอ่างทอง ได้แก่

               วัดจันทรังษี อ.เมือง  มณฑปประดิษฐานรูปหล่อโลหะ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ

               วัดไชโยวรวิหาร อ.ไชโย หลวงพ่อโตในโบสถ์(พระมหาพุทธพิมพ์) และหลวงพ่อโต(โต พรหมรังษี) ในวิหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไปวัดนี้วัดเดียวไหว้ได้สององค์  

                วัดขุนอินทประมูล อ.โพธิ์ทอง พระพุทธไสยาสน์ 

                 วัดต้นสน อ.เมือง  หลวงพ่อโตพระศรีเมืองทอง

                วัดม่วง  อ.วิเศษชัยชาญ หลวงพ่อโตที่สุดในโลก พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ   

                วัดสี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ หลวงพ่อโตปางป่าเลย์ไร

                 วัดป่าโมกวรวิหาร  อ.ป่าโมก พระพุทธไสยาสน์ ที่ว่ากันว่าได้สัดส่วนสวยงามที่สุด   (วัดนี้ไปไม่ทันตะวันตกดิน) จึงไม่รูปภาพมาฝาก

                  รวมเป็น 7 วัด 8 องค์ 

                 และในอนาคตไม่นานนี้ จะมีรูปปั้นหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด อ.เมือง

ใกล้ถนนสายเอเซีย องค์มโหฬาร  

                 เมืองอ่างทองมีดีเรื่องพระโต แต่ไม่ดีคือมีเสาไฟฟ้าใหญ่ๆอยู่ต้นเดียว ตั้งโด่เด่อยู่ตรง 4  แยกไฟแดงกลางเมือง จนถูกล้อเลียนกันว่า เป็นเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่เมืองสุพรรณบุรีติดตั้งไม่หมดก็เลยยกให้มาตั้งที่อ่างทอง ไม่รู้ว่าล้อเลียนหรือถากถางกันแน่

                  ด้วยว่ารู้กันทั่วไปว่า เมืองอ่างทองเป็นอาณานิคมของเมืองบรรหารบุรี (สุพรรณบุรี) 

    

เรือนแพมีอาหารหวานคาวพร้อมกาแฟโบราณ บรรยากาศน่านั่งปล่อยอารมณ์

        

         

                  เรือข้ามฟากยังมีใช้อยู่ แต่พัฒนาด้วยการใช้กระแสน้ำไหล         

               เย็นย่ำตะวันรอน  ท้องร้องบอกเวลาว่า หิวแล้วนะ ประธาน กกต.พยายามไปสอบถามหาร้านอาหารอร่อยของตลาดศาลเจ้าโรงทองก็ไม่มีสักร้าน ในที่สุดก็วิ่งรถเลยไป อ.ผักไห่ จ.อยุธยา ร้านรวมปลา ริมประตูน้ำลาดชะโด เจ้าเก่า รุ่นน้อง โรงเรียนผักไห่สุทธาประมุข รสชาติและวัตถุดิบยังอร่อยและสดเสมอ       

 

 

 

 

Tags : วันเดียวเที่ยวที่ไหนดี ตลาดศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง oneday trip

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view