พม่าไม่ไปไม่รู้ ตอน12
โดยเอื้อยนาง
ชเวตาเลียว พระพุทธรูปแสนงามกับความหมุนเวียนเปลี่ยนผัน
เสียงไก่ป่าขันดังแว่วขึ้นมาจากหุบเขาเบื้องล่าง ต่ำจากที่ตั้งของโรงแรมลงไป ปลุกนักแสวงบุญจากไทยแลนด์ แหกขี้ตาตื่นขึ้นไปไหว้พระธาตุอินทร์แขวนอีกครั้งในขณะฟ้าเพิ่งเปิดปล่องส่องแสง โลกกำลังสว่างไสว ให้ผู้มีจิตศรัทธาได้เดินขึ้นไปสะดวกกว่าเมื่อคืน ได้ถวายเครื่องสักการบูชาแบบพม่าอันมีผลไม้ ดอกไม้ หลากชนิด และธูปเทียนจัดไว้เป็นถาด ๆ ราคาพอประมาณ
เครื่องสักการบูชาแบบพม่านั้นสวยแปลก สีสันนั้นได้ทั้งจากดอกไม้และผลไม้ อย่างแตงโมผ่าซีกสีแดงจัด ที่เห็นใช้ประจำคือมะพร้าวกับกล้วยเป็นหวี ๆ มีเหมือนกันที่เห็นใช้กล้วยทั้งเครือ เล่ากันว่าจะสู่ขอสาวพม่ามาแต่งด้วย อาจใช้เพียงมะพร้าวหนึ่งลูกกล้วยหนึ่งหวี กับดอกไม้ไหว้พ่อแม่ของสาวเจ้าก็ได้ ในกรณีรักกันชอบกันจริงใจ
อิจฉาพวกผู้ชาย ได้รับอนุญาตให้ไต่ลงไปปิดทองที่องค์พระธาตุอินทร์แขวน ผู้หญิงอย่างเราได้แต่ฝากแผ่นทองให้เขาช่วยปิดให้ ความเชื่อ และข้อห้ามแบบนี้ก็มีในเมืองไทยเช่นกัน เหตุผลเป็นของแต่ละวัด แต่ละคน อย่างที่คุณระเบียบรัตน์คนดังเคยโวยวายมาแล้วเห็นๆ
เราลงจากดอยพระธาตุหลังอาหารเช้า และหลังจากสาว ๆ ในคณะที่แอบชำเลืองสาวพม่า แบบอิจฉาแก้มผ่องของพวกเธอได้ฝนแท่งทานากะที่หน้าโรงแรม ลองลูบไล้ใบหน้าเป็นที่พอใจ และคิดว่าน่าจะสวยเท่าสาวพม่าแล้วนั่นแหละจึงหิ้วกระเป๋ามาขึ้นเสลี่ยงกัน ซึ่งกว่าจะลงมาถึงรถที่รอรับอยู่ที่เดิม ข้ามภูผา หุบห้วย ฝ่าดงดอน และทุ่งกว้างเข้าเขตเมืองพะโค หรือหงสาวดีก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี หลังอาหารกลางวันคุณติ๊กไกด์ใจดีได้พาเที่ยวชมรอบหงสาวดีซึ่งเคยเป็นเมืองรุ่งเรืองเลื่องลือในอดีต และยังคงฝังอดีตไว้ในตำนานเล่าขาน
พระนอนชเวตาเลียว
ก่อนบ่ายหน้ากลับย่างกุ้งจึงได้โอกาสแวะไหว้พระพุทธไสยาสน์ที่สวยงามศักดิ์สิทธิ์ของหงสาวดี หรือ พระนอนชเวตาเลียว (Shwethalyaung Buddha)
ชเวตาเลียว (ชเวทายอง) เป็นพระนอนที่สวยงามมาก โดยเฉพาะพระพักตร์นวลละไม พระโขนงโก่งครอบดวงเนตรที่ดูคล้ายจะแย้มยิ้มตลอดเวลา รับกับพระโอฐบางเฉียบสีแดงสดใส
โดยทั่วไปเท่าที่เห็น พระพุทธรูปในศิลปะพม่านั้นจะสวยงามสดใสเน้นสีสันทั้งองค์พระและเครื่องทรง เห็นแล้วให้ความรู้สึกสบายตา สบายใจ และดูใกล้ชิดมากกว่าจะขรึมขลังจนน่าเกรงกลัว
ตำนานความเป็นมาของพระนอนชเวตาเลียว ก็เช่นกับ หงสาวดี คือ มียุคเจริญรุ่งเรืองและยุคอับเฉาเสื่อมลง แล้วกลับเจริญรุ่งเรืองอีก เป็นดั่งนี้สลับหมุนเวียนราวกับจะแสดงให้ผู้เห็นได้ประจักษ์ถึงความจริงแห่งโลกที่ผันแปรไม่แน่นอน ให้รู้ถึงแก่นแท้ของชีวิตที่วนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร
ก็...อยู่ดี ๆ วันหนึ่งในปีพ.ศ.๒๔๒๔ ขณะพม่ายังเป็นอาณานิคมของฝรั่งอังกฤษนั้น เหล่าช่างอังกฤษขณะกำลังทำการถางป่า พังดงดอน เพื่อก่อสร้างทางรถไฟก็ไปพบแหล่งอิฐหินเข้ากองหนึ่งเทินเป็นเนินสูงท่ามกลางป่าดงจึงพากันรื้อลง และได้พบพระพุทธไสยาสน์ที่ยาวถึง ๕๕ เมตรสูงถึง ๑๖ เมตรทอดองค์อยู่ภายใต้กองอิฐหินที่ครั้งหนึ่งคงเป็นสิ่งปลูกสร้างสวยงาม เป็นสถานที่ให้ผู้คนเข้ามากราบไหว้ แต่ครั้งบ้านเมืองเรืองรุ่งชื่อกรุงหงสาวดีราชธานีแห่งมอญ ครั้นถึงยุคบ้านเมืองเสื่อมสูญ ผู้คนหนีหาย และกาลเวลาได้กัดกร่อนทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่สิ่งปลูกสร้างอย่างอิฐ หิน ก็ยังพังลงปกป้ององค์พระไว้ใต้โคกเนินดังกล่าว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พระนอนองค์สวยงามที่ได้รับการสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในคืนวันก่อนจะดับขันธ์ปรินิพพาน เพื่อให้ผู้ศรัทธาได้กราบไหว้ตลอดเวลาอันยาวนานผ่านมา ตามประวัตินั้นสร้างขึ้นโดยพระมหากษัตริย์มอญพระองค์หนึ่ง ในปี พ.ศ.๑๕๓๗ ครั้นต่อมาเมื่อกองทัพอันเกรียงไกรของพระเจ้าอโนรธาแห่งพุกามราชอาณาจักรแรกของพม่าได้ย่างเหยียบมาตีเมืองสะเทิมเมืองหลวงของราชอาณาจักรมอญแตก ผู้คนถูกกวาดต้อนไปพุกาม ที่เหลือก็หลบลี้หนีหายทำให้พระพุทธรูปไร้ผู้ดูแลถูกทิ้งร้างไว้จนผุพังและลืมเลือนนานถึง ๕๐๐ ปี จนในสมัยของพระเจ้าธรรมเซดี(ธรรมเจดีย์)จึงได้รับการบูรณะขึ้นใหม่
และอีกยุคที่หงสาวดีย่อยยับลง คือหลังจากรัชสมัยของบุเรงนองผู้ยิ่งใหญ่แล้วหงสาวดีก็ถูกเผาทำลายโดยตองอู กับยะไข่ พระนอนชเวตาเลียวก็ถูกลืมเลือนอีกครั้ง ปล่อยให้ต้นไม้ใบหญ้าขึ้นปกคลุมกลายเป็นดงเป็นดอน หลายร้อยปี จนพม่าตกอยู่ในการครอบครองของเจ้าอาณานิคมอังกฤษ พระนอนองค์นี้จึงถูกพบอีกครั้งขณะทำการก่อสร้างทางรถไฟดังกล่าว
ในปี พ.ศ. ๒๔๔๙ มีการสร้างอาคารขึ้นคลุมองค์พระไว้ จนปี พ.ศ. ๒๔๙๑ จึงมีการบูรณะครั้งใหญ่มีการทาสีปิดทองตดแต่งสวยงามดั่งที่เห็นในปัจจุบันค่ะ
เครื่องบูชาพม่าสีสันงดงาม