http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,006,507
Page Views16,315,526
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

ข่าวสาร

ข่าวสาร


อรุษ นวราช


ถอดเทป สัมภาษณ์ คุณอรุษ นวราช (5 มี.ค.58) 

เล่าที่มาที่ไปก่อนนะครับ คือ สวนสามพรานจะครบ 53 ปี วันที่ 12 มีนาคม  คอนเซ็ปสวนสามพรานคือวิถีชีวิตแบบไทยๆ เรามีโชว์วัฒนธรรมวิถีไทยมา 40 กว่าปีแล้ว และมีเวิร์คช็อปสอนวิถีไทยมาประมาณ 9 ปี และเมื่อ ประมาณ 9 ปีที่แล้วตอนที่ผมเริ่มเข้ามาบริหารที่โรงแรมก็เริ่มมาจับเกี่ยวกับอินทรีย์ เราคิดว่าวิถีชีวิตแบบไทยๆ ก็ต้องอิงกับธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี เราเองต้องการผลผลิตอินทรีย์ให้กับลูกค้า เราเริ่มปลูกเองบ้างแต่ไม่เพียงพอ ก็เริ่มติดต่อชาวบ้านให้เขามาขายตรงให้กับเรา เมื่อ 5 6 ปีที่แล้วที่เราเริ่มคุยกับชาวบ้าน จากไร่ขิง คลองจินดา เกษตรกรที่อยู่ในนครปฐม นัดคุย 2-3 ครั้ง ซึ่งนัดทีมากันเยอะ 50-60 คน เพราะเราบอกว่าอยากซื้อพวกข้าว ผัก ผลไม้ ซึ่งเขาบอกว่าเขาไม่ทำ เพราะทำอินทรีย์แล้วเขาขายไม่ได้  เขาจะขายผลผลิตให้กับพ่อค้าคนกลาง ซึ่งพอค้าคนกลางก็ต้องซื้อผลผลิตที่รูปร่างหน้าตาสวยห้ามมีตำนิ แต่ถ้าทำอินทรีย์มีตำนิแน่นอน อย่างฝรั่งถ้ามีตำนิขายพ่อค้าคนกลางอาจจะได้สัก 8 บาท แต่มาที่นี่ได้โลละ 40 บาท เกษตรกรบอกว่าให้เขาทำอินทรีย์ เขาไม่มีตลาด เราเลยบอกว่า โรงแรมจะซื้อด้วย แล้วก็เปิดตลาดสุขใจเพื่อเปิดตลาดทางเลือกให้เขาได้นำสินค้ามาขาย บนพื้นที่ 3 ไร่ติดถนนเพชรเกษม เมื่อ4 ปีที่แล้ว

 

ตลาดสุขใจเปิดขายเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ จากแรกๆ มีคนเข้ามา ร้อยกว่าคน ทุกวันนี้พันกว่าคนต่อวัน ที่เราเคยวัดสัก 60% เป็นคนที่เดินทางมาจากกรุงเทพ 40 % เป็นคนพื้นที่ใกล้เคียง คุณจะขายตลาดสุขใจได้คุณต้องไม่ใช้สารเคมีโดยสิ้นเชิง เราจะมีเจ้าหน้าที่ไปตรวจแปลง และมีการตรวจปลายทางด้วย มีการตรวจยาฆ่าแมลงตกค้าง

 

ตลาดสุขใจตอนนี้มีเกษตรกรขายของอยู่ 60 ราย          ไม่ได้มีเฉพาะพืชผัก ผลไม้ เท่านั้น  อาจจะมีผัดไทย อาหารอย่างอื่น น้ำ ขนมไทย  เฉพาะร้านขายสินค้าเกษตรมี 14 ร้าน ซึ่งทั้ง  14 ร้านอาจจะมีลูกไร่  7 คน 8 คน แต่เราจะไปหาทุกคนที่เป็นลูกไร่ มีมาตรฐานของเราในการวัดคือมาตรฐานที่เราเรียกว่า 3 เขียว เขียวอ่อน คือยังไม่ได้เข้าสู่ระยะปรับเปลี่ยนคือหยุดการใช้สารเคมีโดยสิ้นเชิงแล้ว เขียวกลาง คือเข้าระยะปรับเปลี่ยนมี สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ไทย (มกท.) ไปตรวจแล้ว และสุดท้ายเขียวแก่ คือได้ใบรับรองแล้ว

 

พอตลาดสุขใจติดแล้วเราก็เริ่มมาตลาดสุขใจสัญจร ครั้งแรกไปที่ SCB เมื่อสิงหาคมปีที่แล้ว คือสุขใจสัญจรเราอยากทำพีอาร์ให้กับตลาดสุขใจด้วย ในเวลาเดียวกันเราได้ช่วยเกษตรกรในการระบายสินค้าของเขา ซึ่งวันธรรมดาเขาไม่มีตลาด การออกมาที่นี่ก็เป็นการเปิดตลาดใหม่ๆ อย่างฝรั่งขายได้วันเดียว 5 ร้อยโล แต่ถ้าที่ตลาดสุขใจอาจจะได้วันละร้อยโล โลละ 40 บาท ฝรั่งที่ตกเกรดก็เอามาคั้นเป็นน้ำฝรั่งสด ขายแก้วละ 30 บาท ถ้าคิดเป็นกิโลได้โลละ 90 บาท ถ้าเป็นเมื่อก่อนโยนทิ้งเลยนะ เพราะนั้นเป็นทางเลือกที่เขาไม่ต้องพึ่งพ่อค้าคนกลาง เขามาขายตรงกับผู้บริโภค ซึ่งสุขใจสัญจรเป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างพวกเราด้วยว่า เกษตรอินทรีย์ 1 ต้องราคาเป็นธรรมเพราะขายตรงจากเกษตรกร 2 สะดวกเพราะมาหาผู้บริโภค 3.เชื่อถือได้เพราะเรามีโครงการรองรับ  คือเรามีมาตรฐานที่เป็นกลางอยู่คือ มาตรฐานอินทรีย์สากล ( IFOAM - International Federation of Organic Agriculture) ซึ่งมันมีที่มาที่ไป ตรงนี้ผมคิดว่ามันตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วไปในกรุงเทพ

 

จริงๆ เราอยากให้มีสุขใจสัญจรทุกอาทิตย์ อาจจะหมุนเวียนกันไป SCB กรุงไทย หรือที่ ปตท. :ซึ่งกำลังติดต่ออยู่ เกษตรกรตอนนี้เริ่มมีผลผลิตเยอะขึ้น แต่ก็ไม่พอขาย บางคนผลผลิตออกไม่ทันกับตลาด ตอนนี้เรามาทำระบบสมาชิกด้วย เพราะในอนาคตเราคิดว่า ถ้าเรามากรุงไทยเราจะมีฐานสมาชิก อาจจะมีการสั่งล่วงหน้าทางเน็ต หรือเรามีเงื่อนไขว่าคุณซื้อครบกี่บาท เราจะพาไปเที่ยวตลาดสุขใจ หรือไปเที่ยวสวนเกษตรกร คือเป็นการเชื่อมให้ผู้ปลูกและผู้บริโภคมารู้จักกันคืออยากจะผูกให้เขาเป็นลูกค้าระยะยาวแต่อีกนัยคือต้องการให้เขาไปเที่ยวไปดูสวน  เราต้องการตัดพ่อค้าคนกลาง อนาคตลูกหลานเขาเองอาจจะเป็นพ่อค้าคนกลางในการรับส่งสินค้า คือให้ในกลุ่มเขาเองเป็นคนกลางจะได้มีความเป็นธรรมเกิดขึ้น 

อีกหน่อยคนกลางอาจจะจำเป็นต้องมีอย่างบ่ายนี้ผมกำลังจะไปพลาซ่าแอทธินี เพราะเขาสนใจจะซื้อผ่านโครงการสามพรานโมเดล คุยกันหลายรอบแล้ว วันนี้จะเอาข้าวหอมนครชัยศรี เป็นข้าวท้องถิ่นที่เรากำลังรื้อฟื้นไปเสนอ ซึ่งเราอยากจดจีไอด้วย 

เป้าหมายของเราคืออยากให้อำเภอสามพรานนครปฐมเป็นแหล่งผลิตข้าวผัก ผลไม้อินทรีย์ แหล่งใหญ่ของประเทศ เราคิดว่า มันเป็นไปได้ เพราะว่าเกษตรกรเหล่านี้เป็นเหมือนเกษตรกรที่นำร่อง อย่างกลุ่มของคุณประหยัด 7 คน ถือเป็นแหล่งผลิตฝรั่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ผลผลิตออกวันละ 100 ตัน 

การมาออกร้านที่นี่ เราได้ทุนจากสสส. ในการดูแลเรื่องอาหารการกิน ค่ารถ ในครั้งแรกเพราะเราไม่รู้จะขายได้หรือเปล่าแต่ตอนนี้เราลดค่าใช้จ่ายลงมาเยอะ เพราะเราบอกว่าเอาเงินโครงการซับพอตตลอดก็ไม่ไหว คือต้องแฟร์ๆ  เพราะเขาเองขายได้กำไรเยอะ แต่เราก็ยังช่วยค่าน้ำมันรถ เกษตรกรเองก็เข้าใจ เราพยายามให้เขาอยู่ได้ด้วยตัวเอง อีกหน่อยในอนาคตเขาอาจจะมาขายกันเองได้เลย เราอาจจะช่วยในเรื่องพีอาร์ 

ส่วนเรื่องระบบสมาชิกตลาดสุขใจเริ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว เงื่อนไขการเป็นสมาชิกคือแรกเข้าต้องซื้อของครบ 500 บาท จะมีบัตรสมาชิก สิทธิพิเศษ ตรวจเลือดหาสารพิษตกค้างในร่างกายฟรี ลดราคาห้องพักและร้านอาหารที่สวนสามพราน 10 % เข้าสวนสามพรานฟรี2 ท่าน (ปกติค่าเข้าคนละ 40 บาท) รับส่วนลด 5% เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ร้านปฐม ใช้บริการปรึกษาแพทย์แผนไทยในตลาดสุขใจฟรี ตอนนี้เราเชื่อมอยู่ 2 00 กว่าราย แต่ที่ปรับเข้ามาทำอินทรีย์ประมาณ 80 ราย และที่มกท.ไปตรวจแปลง และเข้ามาตรฐานระยะปรับเปลี่ยนสัก 40 รายแล้ว คาดว่าปลายปีหน้าอาจจะถึง 80 ราย 

ตอนนี้สมาชิกมี 200 กว่าคนซึ่งเราจะรับ 500 คน ไม่อยากได้เยอะมาก คือตัวเลขนี้เป็นเหมือนการวิจัยจะมาวิเคราะห์ อนาคตอาจจะเพิ่ม เพราะตอนนี้คนก็มาเที่ยวเยอะคน อย่างเราไป SCB มา 4 ครั้งก็เริ่มมีลูกค้าประจำ 

ที่เราเปิดระบบสมาชิกเพื่อต้องการมีฐานลูกค้า เราสามารถทำโปรโมชั่นกับเขาได้ ในขณะเดียวกันเราต้องการวัดสุขภาพของเขาด้วย เพราะโครงการของเราสวก.ก็ให้ทุน เหมือนกันทำวิจัย ส่วนสสส.ให้ทุน เหมือนทุนทำงานพัฒนา เพราะฉะนั้นเราต้องเก็บตัวเลขเกษตรกร ตัวเลขลูกค้าว่า ถ้าคุณหันมาทำอินทรีย์ผลเลือดคุณดีแค่ไหน รายได้เกษตรกรดีขึ้นอย่างไร ต้นทุนลดลงไหม สภาพแวดล้อม ดิน เป็นอย่างไร เป็นโครงการใหญ่ที่เราทำมากกว่าการขาย 

โครงการเรามีการเชื่อมโยงกับม.เกษตรกำแพงแสน ม.มหิดล มาช่วยกันอบรมให้ความรู้ เรื่องการแปรรูป อย่างท่องเที่ยวจังหวัดเข้ามาช่วยแล้ว เพราะจัดอีเว้นขี่จักรยานชมสวนอินทรีย์ คือเราจะเอาท่องเที่ยวมาเป็นตัวช่วยพีอาร์สินค้า ในขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวมารู้จักเกษตรกร 

ตอนนี้การสัญจรลักษณะนี้ได้เดือนละ 2 ครั้ง ไปเช้าเย็นกลับ เกษตรกรเขาทิ้งแปลงไม่ได้ แต่เรามีโครงการขยายไปตามแบงค์ หรือตามพื้นที่อื่นๆ เต็มที่สัญจรเราทำได้เดือนละ 4 หน เพราะเกษตรกรไม่มีเวลาอยู่แปลงด้วย 

การที่เราเลือกพื้นที่เป็นแบงค์ เพราะคนเยอะ แต่ละที่ที่ไปเราต้องมั่นใจว่าขายได้ ไม่งั้นเกษตรกรหมดความมั่นใจ โครงการเราหัวใจคือให้เกษตรกรมีความมั่นใจอย่างต่อเนื่อง มาที่นี่ทุกคนจะขายดีกว่าตลาดสุขใจมากๆ เพราะฉะนั้นเขาต้องมั่นใจว่าผู้บริโภคต้องการของๆ เขา  โครงการของเราต้องการกระตุ้นให้เกษตรกรเหล่านี้ที่เป็นหัวหอกต้องมั่นใจและไปบอกเพื่อนๆ ของเขา ซึ่งหลายคนมองอยู่ ว่าเราทำได้จริงหรือเปล่ามีช่องทางการตลาดจริงไหม 

ตอนนี้ตลาดสุขใจอยู่ได้แล้ว สุขใจสัญจรก็ไปได้ ในอนาคตก็มีแผนขายตรงเข้าโรงแรมในกรุงเทพ อาจจะมีจุดกระจายของจุดอื่นๆ ซึ่งตอนนี้ผมก็ดูอยู่หลายจุด อย่างตลาดเสรี หรือ อตก. แต่อย่างเรามาที่แบงค์เป็นพื้นที่ CSR ไม่ต้องจ่ายค่าพื้นที่ แต่ละที่ที่เราไปจะดูว่าเขาต้องขายได้ เพราะเราไม่ได้ไปเพื่อสร้างภาพแต่ต้องการให้เกษตร ผู้บริโภคได้ประโยชน์จริงๆ ผมมองว่าตรงนี้เป็นบิสิเนสโมเดล มันไม่ใช่เป็นการไปสนับสนุน แต่มันเป็นโมเดลของธุรกิจที่เป็นธรรม คือเราช่วยจุดประกาย กระตุ้นในตอนแรก แต่ตอนหลังเราจะต้องปล่อยได้ ในอนาคต เราต้องเทรนว่าลูกหลานเกษตรกรให้เข้ามาช่วยได้ด้วย เรื่องบัญชี เรื่องการตลาด เหล่านี้เป็นสเต็ปต่อไปของโครงการ 

ค่าใช้จ่ายในครั้งแรกที่เราไป SCB อยู่ประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท แต่ตอนนี้ลดเหลือ หมื่นกว่าบาท (มูลนิธิจ่าย เพราะได้ทุนจากสสส.) เกษตรกรจ่ายค่าอาหารอย่างเดียว ค่าน้ำมันเราออกให้ ส่วนหมอแพทย์แผนไทย สาธารณสุขจังหวัด เราเป็นคนเอามาเพื่อบริการลูกค้า 

เรามาที่กรุงเทพพวกผัก ผลไม้ขายดีมาก โดยเฉพาะน้ำฝรั่งคั้นสด อย่าที่ SCB แม่ค้าขายผักได้วันละหมื่นสี หมื่น 5 ถ้าเกษตรกรขายพ่อค้าคนกลาง ฝรั่งอย่างเก่งได้โลละ 20 บาท ตกเกรด เหลือ 5-6 บาท เกษตรกรที่เข้ามาร่วมกับเราออกตลาดสัญจร มีรายได้เพิ่ม ตอนนี้ขายได้กิโลละ 40 บาท  ผมซื้อเข้าโรงแรมเดือนละ ตันห้า ถึงสองตัน กิโลละ 30 บาท อย่างตกเกรดเอามาคั้นเป็นน้ำฝรั่งได้กิโลละ 90 บาท 

การทำอินทรีย์ผลผลิตจะช้าลง 1 ใน 3 แต่สิ่งที่ดีคือ ปุ๋ยเคมี ยาไม่ต้องใช้ อย่างเมื่อก่อนเคยใช้เคมีเดือนละ 4 หมื่น ตอนนี้เหลือ 8 พัน คือต้นทุนลดลงเหลือ 1 ใน 3 อาจจะมีค่าแรงในการห่อ ง่ายๆ สุขภาพดีขึ้น 

อย่างพี่ประหยัดบอกเลยว่า ทำเกษตรมากว่า 50 ปี นี่เป็นหนแรกที่เขาสามารถตั้งราคาสินค้าเองได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ชีวิตเขาถูกกำหนดโดยพ่อค้าคนกลาง กับคนขายยา มาโดยตลอด ฟังดูมันแย่นะซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศเป็นแบบนี้ที่ต้องพึ่งยา พ่อค้าคนกลาง การที่เราเข้าไปสามารถเปลี่ยนชีวิตเขาได้เลย เขาพึ่งตัวเองได้แล้ว 

จุดแข็งผมคิดว่า ไม่มีสารเคมี ได้สุขภาพ ราคาไม่แพง สะดวกในการเลือกซื้อ เราจะทำแบรนด์อินทรีย์สุขใจในอนาคต คือจะทำเป็นอินทรีย์สุขใจบางช้าง อินทรีย์สุขใจคลองจินดา อินทรีย์สุขใจไร่ขิงเป็นต้น คือแบรนด์อินทรีย์สุขใจจะมีระดับ 3 เขียวที่ว่า จะติดไว้ที่สินค้าเลย ปีนี่เราตั้งใจจะทำเรื่องแบรนด์ให้ชัดเจน

สิ่งที่จูงใจเกษตรกร แน่นอนราคาเป็นอย่างแรก ต่อมาต้นทุนน้อยลง มีตลาดรองรับที่แน่นอน ถ้าคนที่เคยป่วยสุขภาพก็จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

เคยมีการวิจัยแล้วผลผลิตอินทรีย์เมื่อเทียบกับเคมีช่วง 2-3 ปีอินทรีย์จะให้ผลผลิตที่เยอะกว่า ส่วนการปรับตัวของดินไม่ได้งะงัก ถ้าเป็นผักไม่ค่อยมีปัญหาแค่เปลี่ยนหน้าดินเอาปุ๋ยคอกไปลง แต่ถ้าเป็นผลไม้ที่เคยกินเคมีมานาน ต้องใช้ปุ๋ยอินทรีย์เยอะ ต้นไม้ดึงไปใช้ได้ไม่เร็วเท่ากับปุ๋ยเคมี อาจจะชะงักนิดหน่อยในช่วงแรก เราจะมีนักวิชาการในโครงการเข้าไปช่วยดูแลให้ความรู้ 

ตอนนี้เรามีต้นแบบแล้ว ถ้าเกษตรกรเขาอยากทำอะไรก็ให้ข้อมูลเขาไปศึกษาดูด้วย ซึ่งการที่เขาบอกกันเองมันมีอิมแพคมากกว่าผมไปพูดหลายเท่า อาจมองเราเราเป็นนักธุรกิจไม่ใช่เกษตรกรเมื่อไหร่เขามั่นใจ คิดที่จะปรับเราซับพอตเต็มที่ ผมมองว่าถ้าเขามั่นใจลงมือทำมันไปรอดหมดแหละ 

การทำเกษตรอินทรีย์ ช่วงแรกอาจจะเหนื่อยหน่อยแต่พอปรับไปแล้วก็กลายเป็นวิถีชีวิตของเขา ผมวัดได้เลยทุกคนที่มีมา รายได้ดี ขึ้น สุขภาพดีขึ้น ความเป็นอยู่สุขสบายขึ้น เป้าหมายของเราต้องการผลักดันให้เขาเป็นต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ ผมจะไม่ขยายกลุ่มให้มากกว่านี้แต่จะทำให้มันเห็นผลชัดเจนขึ้น อย่างปีหน้าเราจะให้ม.เกษตรกำแพงแสนมาออกแบบเครื่องแปรรูปน้ำฝรั่งขนาดใหญ่ ส่วนข้าวก็ทำเป็นน้ำมันรำข้าว ทำให้เป็นโมเดลถ้ายิ่งชัด เกษตรกรรอบข้างที่มองดูอยู่เขาจะเข้ามาเอง 

ตอนนี้เราไม่ได้มองเรื่องคู่แข่ง ตลาดอินทรีย์ก็มีเยอะเพียงแต่ตอนนี้มีคนมาขอซื้อสินค้าเรามีไม่พอให้เขามาก ผมมองว่าระหว่างเกษตรกรแข่งกันเอง อย่างบางช้างก็ทำ กลุ่มคลองจินดาก็ทำ มีการแข่งขันก็ดีไม่งั้นจะไม่มีการพัฒนาเรื่องคุณภาพ ซึ่งตรงนี้ผู้บริโภคก็จะได้ประโยชน์ 

ตลาดสุขใจเราเก็บช่วยค่าน้ำค่าไฟ วันละ90 บาท เกษตรกรที่เข้ามาขายส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอสามพราน มีผักที่อยู่อำเภอเมือง ข้าวก็มาจากบางเลน คลองโยง ลานตากฟ้า ศาลายา เน้นจังหวัดนครปฐม เพราะถ้าอยู่ไกลผมไม่สามารถไปสนับสนุนอย่างต่อเนื่องได้ 

ตอนนี้เราคุยกับพลาซ่าแอทธินี เพื่อต้องการให้เขาเป็นต้นแบบในการรับซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์ตรงจากเกษตรกร ยิ่งเป็นลูกค้าของโรงแรมระดับ 5 ดาวยิ่งให้ความสนใจเรื่องอาหารอินทรีย์ สนใจเรื่องสุขภาพ ผมคิดว่าโรงแรมตอบโจทย์ได้ดี 

เรื่องแบรนด์จะทำให้ปีนี้ ถ้าในวงการอินทรีย์เรียกว่ามาตรฐานจีพีเอส  คือการรับรองแบบมีส่วนร่วม เป็นแบบสากลถ้าเราทำแบรนด์อินทรีย์สุขใจก็ต้องผ่านข้อกำหนดร่วมกัน ซึ่งมีหน่วยงานรับรองอย่างเช่นมูลนิธิเกษตรอินทรีย์ไทย  จีพีเอสเราเริ่มทำมา 2 กลุ่มแล้ว แต่เราจะทำทุกกลุ่มเลย

Tags :

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view