น้ำผึ้งอินทรีย์
ฝีมือกลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงพรุไทยฯ
โดย สาวดอนเมือง เรื่อง-ภาพ
ในยุคนี้ไม่ว่าใครก็ตามจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสองสามอาชีพรองรับ เพื่อความมั่นคงในชีวิต ดังนั้นจะเห็นได้ว่าช่วงไม่กี่ปีมานี้เกษตรกรจำนวนไม่น้อยหันมาเลี้ยงผึ้งและชันโรงกันมากขึ้น เพราะไม่ต้องลงทุนอะไรมาก แค่ทำกล่องไม้หรือลังไม้ให้เป็นที่อยู่ของพวกมันเท่านั้น อีกอย่างไม่ต้องเสียเวลาไปดูแล ถือเป็นรายได้เสริมที่ดีทีเดียว
กลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงพรุไทยฮันนี่บี ต.พรุไทย อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีคุณอินทรโชติ สุชาติ เป็นประธาน ก็เป็นเกษตรกรอีกกลุ่มที่เลี้ยงผึ้งเป็นอาชีพเสริม อาชีหลักคือทำสวนยาง และสวนปาล์ม รวมกลุ่มกันเมื่อปี 2560 มีสมาชิก 37 คน โดยเลี้ยงผึ้งโพรงไทย ซึ่งเป็นผึ้งที่ดุ
คุณอินทรโชติเล่าที่มาที่ไปของกลุ่มให้ฟังว่า เริ่มจากการประชุมของศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีประจำหมู่บ้าน ซึ่งตนเสนอโครงการนี้เข้าไปในระดับอำเภอ ปรากฎว่าทางอำเภอเห็นด้วย จากนั้นไปดูงานกันที่ศูนย์แมลงเศรษฐกิจ จ .ชุมพร พอกลับมาก็เริ่มเลี้ยงกันเรื่อยๆจนถึงทุกวันนี้ จากเดิมเลี้ยงกันคนละ 10 กว่าลัง ปัจจุบันในกลุ่มมีประมาณ 800 ลัง โดยตนเองเลี้ยงในจำนวนมากที่สุดประมาณ 100 ลัง
ทั้งนี้การเลี้ยงผึ้งโพรงนี้คุณอินทรโชติระบุว่า ใช้ทุนไม่มาก เพราะไม้ก็ไปเอาจากในชุมชนมาประกอบทำลังเอง ใช้วิธีทำงานกันเป็นทีม ตอนนี้ประกอบรังอยู่ที่บ้านของสมาชิกอีกประมาณ 300 กว่าลัง จากที่มีประมาณ 800 กว่าลังก็จะเพิ่มอีกเรื่อยๆ เนื่องจากต้องการให้สมาชิกได้คนละประมาณ 100 ลัง เพราะน้ำผึ้งที่ผลิตได้ยังมีไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด เพราะสมาชิกบางรายมีแค่ 20 ลังเท่านั้น
"เดิมนั้นผมเองมีแค่ 15 ลัง ตอนนี้มี 100 ลัง ลงทุนไม่เกิน 5000 บาท เพราะไม้ก็ใช้ที่มีอยู่ในชุมชน ลงทุนแต่พวกตะปู อุปกรณ์ต่างๆ รายได้จากตอนแรกประมาณ 15000 บาท ตอนนี้ได้ประมาณ 1 แสนต่อปี เฉลี่ยแล้วมีรายได้ลังละ 1000 บาทต่อไป ในส่วนของผมเองตั้งเป้าว่าจะเพิ่มอีกประมาณ 200 รัง"
ประธานกลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงพรุไทยฮันนี่บีอธิบายถึงกระบวนการเลี้ยงผึ้งว่า เริ่มจากนำลังไม้ไปวาง แล้วใช้ไขผึ้งทาด้านในจากนั้นลนไฟให้ไขผึ้งซึม ก่อนนำไปวางในสวนที่มีผึ้งและแหล่งอาหารสมบูรณ์ จากนั้นผึ้งจะเข้ามาอยู่เอง การดูแลต้องคอยป้องกันเรื่องมดแดงอย่างเดียว โดยใช้น้ำมันเครื่องที่เหลือใช้ชุบผ้าแล้วนำไปวางที่โคนหลักหรือเสาที่นำลังไปตั้งไว้ด้านบนเพื่อป้องกันมด
สำหรับผลผลิตน้ำผึ้งในต.พรุไทย อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี มีจุดเด่นที่แตกต่างจากแหล่งอื่น คือพื้นที่นี้มีความหลากหลายทางธรรมชาติ เนื่องจากเป็นแหล่งปลูกผลไม้และสมุนไพรพื้นบ้าน อีกอย่างแถวนี้เป็นสวนโบราณ รสชาติดีกว่าที่อื่น เช่น ที่เชียงใหม่จะมีรสชาติของลำไยอย่างเดียว แต่ที่นี่น้ำผึ้งรสชาติจะอร่อยกว่า มีรสชาติหลากหลาย ที่สำคัญไม่ให้อาหารเลี้ยงจะให้ผึ้งไปหาเองตามธรรมชาติ น้ำผึ้งของกลุ่มเป็นอินทรีย์ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่ผึ้งกินดอกไม้ตามธรรมชาติ เช่น ดอกมะพร้าว ดอกทุเรียน ดอกเงาะ และสมุนไพรตามสวน
ในการเก็บน้ำผึ้งทางกลุ่มจะเก็บปีละครัง ตั้งแต่มีนาคม เมษายน และพฤษภาคม หลังจากนั้นจะนำเข้าฟรีซแช่แข็งไว้ทยอยขายเรื่อยๆ ผึ้ง 1 ลัง จะให้น้ำหวานประมาณ 8-15 กิโลกรัม(ก.ก.)ต่อปี
จุดเด่นของที่นี่คือหลากหลายทางธรรมชาติ มีผลไม้และสมุนไพรพื้นบ้านเยอะแยะกว่าที่อื่น เพราะพื้นที่แถวนี้เป็นสวนโบราณ รสชาติดีกว่าที่อื่น เช่น ที่เชียงใหม่จะมีรสชาติของลำไยอย่างเดียว แต่ที่นี่น้ำผึ้งรสชาติจะอร่อยกว่า รสชาติหลากหลาย
การเลี้ยงผึ้งของกลุ่มไม่ให้อาหารอะไรเลย จะให้ผึ้งไปหาเองตามธรรมชาติ ซึ่งจะเก็บน้ำผึ้งปีละครั้ง ตั้งแต่มีนาคม เมษายน พฤษภาคม หลังจากนั้นนำรวงผึ้งทั้งรวงไปแช่แข็งไว้ทยอยขายเรื่อยๆ ถือเป็นน้ำผึ้งอินทรีย์ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่ผึ้งกินดอกไม้ตามธรรมชาติ เช่น ดอกมะพร้าว ดอกทุเรียน ดอกเงาะ และสมุนไพรตามสวน ในปีนี้คาดว่าผลผลิตน้ำผึ้งของกลุ่มจะได้ประมาณ 1000 กว่าลิตร
ที่ผ่านมาทางกลุ่มเน้นการขายออนไลน์100 เปอร์เซ็นต์ ผ่านเพจของ พรุไทย honey bee ซึ่งมีลูกค้าจากทั่วประเทศ ขายขวดละ 350 บาท ขนาด 1 ลิตร หากมีลูกค้าสั่งก็ตัดขายใส่กล่องให้ คิดค่าส่งกล่องละ 100 บาท
คุณอินทรโชติบอกว่า การเลี้ยงผึ้งให้ได้คุณภาพนั้น ต้องปลูกต้นไม้ไว้เป็นอาหารสำหรับผึ้ง ซึ่งถ้าเลี้ยงจำนวนมากก็ต้องมีอาหารให้เยอะให้เพียงพอ ตนเองเสนอให้มีการปลูกกาแฟ เพื่อให้ผึ้งไปกินดอก ส่วนผลกาแฟก็ขายได้ด้วย นอกจากนี้ได้เสนอทำโครงการแปลงใหญ่ เพื่อจะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งถ้าโครงการที่เสนอไปผ่าน จะนำเงินมาสร้างโรงบรรจุภัณฑ์ และทำเป็นศูนย์การเรียนรู้แบบครบวงจร
สนใจการเลี้ยงผึ้งโพรงติดต่อที่เพจ กลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงพรุไทย honey bee เบอร์ 0937822431