ท่องเกาะ-เลาะชายหาด
ชมฝูงแกะในเมืองเบียร์
โดย กมลวรรณ สังขเสนกุล เรื่อง //พอล ริชเตอร์ ภาพ
ว่าไปแล้วสถานการณ์โรคโควิด-19ในประเทศเยอรมันนียังคงมีความน่าเป็นห่วง เพราะรัฐบาลประกาศบางพื้นที่เป็นพื้นที่เสี่ยง แต่ผู้คนจำนวนไม่น้อยก็ยังเดินทางท่องเที่ยวกันภายในประเทศ ซึ่งไม่มีอะไรดีไปกว่าการเดินทางไปฟังเสียงคลื่นทะเล รับแสงแดดอุ่นๆ ก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาวในไม่ช้านี้
ในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นช่วงวันหยุดฤดูใบไม้ผลิของนักเรียนชั้นประถม-มัธยม พวกเราจึงวางแผนไปสูดอากาศบริสุทธิ์กันนอกเมือง โชคดีไปเจอบ้านไร่ที่อยู่ใกล้กับเมืองฮัมบวร์ค และการเดินทางจากบ้านไร่แห่งนี้ไปยังเกาะต่างๆสะดวกมาก จึงตัดสินใจเช่าพักแทนที่จะเช่าบ้านบนเกาะ สาเหตุแรกคือสามารถเดินทางไปสถานที่ต่างๆโดยไม่ต้องรอเรือเฟอรี่ ที่สำคัญประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย
เพื่อความสะดวกจึงเช่ารถยนต์จากบริษัทในฮัมบวร์คเป็นเวลา 1 อาทิตย์ ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงก็ถึงบ้านไร่ ความแตกต่างเริ่มเห็นได้ชัดเมื่อใกล้ถึงจุดหมาย บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยไร่นาสีเขียว ฝูงวัว และฝูงแกะ
เป้าหมายแรกคือ ซังค์ท เพเทอร์ ออดิง (Sankt Peter Ording) ชายหาดยอดนิยมที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเยอรมันนี และทางตอนใต้ของประเทศเดนมาร์ค เนื่องจากเดินทางสะดวก ไม่ต้องนั่งเรือเฟอรี่ข้ามไป และขับรถจากฮัมบวร์คไปที่ชายหาดประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาทีเท่านั้น มีที่จอดรถพร้อม จึงเหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจในช่วงสุดสัปดาห์ หรือระยะสั้นๆ ใครที่มาแล้วมักกลับมาอีกครั้ง
ชายหาดที่ซังค์ท เพเทอร์ ออดิงมี ยาวถึง 12 กิโลเมตร(กม.) ลมทะเลค่อนข้างแรง จึงเหมาะแก่การเล่นว่าว และการเล่นกระดานโต้คลื่น
หากใครต้องการดื่มด่ำบรรยากาศแสนโรแมนติกบนชายหาด การเดินเล่น ฟังเสียงคลื่นทะเล สูดอากาศบริสุทธิ์ก็เป็นกิจกรรมยอดฮิตอีกชนิดหนึ่ง และมีพื้นที่สีเขียวให้เดินชม หรือจะชมความสวยงามของเมืองบนหลังม้าก็ยังได้
เช้าวันที่สองขับรถไปท่าเรือเฟอรี่เพื่อไปเกาะเพลวอร์ม (Pellworm) และในขณะที่โรคโควิด-19ยังระบาด แม้อยู่บนเรือเฟอรี่ก็ต้องใส่แมสก์
เกาะเพลวอร์มตั้งอยู่ใจกลางอุทยานแห่งชาติ "Schleswig-Holstein Wadden Sea" จุดเด่นอยู่ที่ความเงียบสงบ และแสงแดด ทำให้เกาะนี้กลายเป็นอัญมณีที่ซ่อนเร้นสำหรับคนที่ต้องการช่วงเวลาสงบและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
ประชากรบนเกาะเพลวอร์มมีเพียง 1,200 คนเท่านั้น ผู้ที่อาศัยอยู่บนเกาะแบบถาวร มีอาชีพเกษตรกรรม เลี้ยงแกะหรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยว การดำเนินชีวิตของผู้คนที่นี่ถูกกำหนดด้วยกระแสน้ำทะเล เมื่อใดที่กระแสน้ำลง จะได้เห็นผู้คนพากันออกมาเดินเล่น บนชายหาด ฝูงแกะขนหนากินหญ้าตามเนินหาด สภาพอากาศบนเกาะเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าบนแผ่นดินใหญ่ แต่พวกเราโชคดีมากที่สภาพอากาศวันนั้นมีแดดจ้าตลอดวัน เนื่องจากเกาะเพลวอร์มมีขนาดเล็ก กิจกรรมที่น่าสนใจคือเดินเล่นสำรวจเกาะ เช่าจักรยาน หรือลงทะเลเล่นน้ำ พวกเราตัดสินใจซื้อตั๋วไป-กลับ 1 วัน หลังจากที่เดินเล่นกับฝูงแกะบนเกาะก็ถึงเวลาต้องกลับขึ้นฝั่งเสียแล้ว
เช้าวันที่ 3 ท้องฟ้าสีส้มอมฟ้า หมอกคละคลุ้งปกคลุมไร่นา พวกเราขับรถไปที่ท่าเรือดาเกอบูล(Dagebull) จุดหมายปลายทางคือเกาะฟัวร์ (Foehr) โดยนำรถยนต์ขึ้นเรือเฟอรี่ไปยังเกาะนี้ใช้เวลา 50 นาที เมื่อเรือเทียบท่าแล้วก็มุ่งหน้าเดินเท้าไปยังชายหาด
สิ่งแรกที่ต้องทำคือต่อแถวเสียค่าเข้าชายหาด เพื่อใช้ในการบำรุงรักษาเกาะนั่นเอง พอดีเหลือบไปเห็นป้ายตรงทางเข้าหาด ป้ายนี้ระบุว่าชายหาดบริเวณไหนเป็นชายหาดสำหรับคน ชายหาดสำหรับสุนัข ชายหาดสำหรับเล่นกีฬาทางน้ำ เป็นต้น มาตรการการจัดการกับสิ่งแวดล้อมของประเทศเยอรมันนีน่าประทับใจมาก มาตรการเหล่านี้จะประสบความสำเร็จได้ ก็ต่อเมื่อทุกคนร่วมมือและเคารพมาตรการนั้นๆอย่างเคร่งครัด ไม่แปลกใจเลยที่ชายหาดที่นี่สะอาด หมดจด ไม่มีขยะ หรือมูลสัตว์ให้เห็น
เกาะฟัวร์มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของทะเลตอนเหนือในเยอรมันนี และได้รับขนานนามว่า เกาะสีเขียว(The Green Island) ประชากรบนเกาะมี 8,600 คน นอกจากภาษาเยอรมันแล้ว ผู้คนที่นี่ยังใช้ภาษาเฟริง (Fering) เป็นภาษาท้องถิ่นอีกด้วย ภาษาเฟริงยังแบ่งออกเป็น 2 สำเนียง คือสำเนียงฝั่งตะวันออกและตะวันตก ไฮไลท์ของเราในวันนี้คือเดินสำรวจชายหาดและขี่จักรยานชมเมืองฟิค (Wyk) ชายหาดที่มีความยาวถึง 12 กม. และกว้างถึง 6.8 กม. ได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และได้เห็นคนที่นี่ส่วนใหญ่เลี้ยงม้าหลากหลายสายพันธุ์
ก่อนกลับไปยังฝั่งแวะทานอาหารเย็นที่เน้นอาหารทะเล จานโปรดที่ถูกปากคือแซนวิชปลาทอด เนื่องจากนำปลาสดๆจากทะเลมาทอดใหม่ๆ จึงทำให้แซนวิชปลาทอดของที่นี่อร่อยกรอบ เนื้อฉ่ำ นุ่มและละลายในปาก
ช่วงท่องเที่ยว3วัน เป็นทริปที่พวกเราทุกคนต่างมีความสุขเพราะนอกจากจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์กันเต็มปอดแล้ว ยังได้เก็บภาพสวยๆไปฝากพรรคพวกด้วย